พระราชประวัติ​ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

2962

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตอย่างสงบ เมื่อเวลา ๒๑.๒๑ น. วันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สิริพระชนมายุ ๙๓ พรรษา ปวงชนชาวไทยพร้อมถวายความอาลัยแด่พระแม่แห่งแผ่นดิน ผู้ทรงเป็นศรีแห่งกิติยากร และทรงอุทิศพระองค์เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชนตราบสิ้นพระชนม์ชีพ

เมื่อวันที่ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๖๘ สำนักพระราชวังประกาศว่า สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จสวรรคตอย่างสงบ จากการประชวรด้วยภาวะติดเชื้อในกระแสพระโลหิต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา ๒๑.๒๑ น. สิริพระชนมายุ ๙๓ พรรษา

สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นามเดิม “หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร” เป็นธิดาในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร (ราชสกุลเดิม สนิทวงศ์) เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๒ สิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๗๕ ณ กรุงเทพมหานคร

พระนาม “สิริกิติ์” ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ มีความหมายว่า “ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร” ขณะที่ในครอบครัวเรียกขานโดยลำลองว่า “คุณหญิงสิริ” และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช จะทรงเรียกด้วยความรักใคร่ว่า “แม่สิริ”

เมื่อทรงพระเยาว์ มีคำทำนายจากแขกเลี้ยงวัวที่บ้าน ว่า “เด็กหญิงคนนี้จะได้เป็นราชินีในอนาคต” ซึ่งต่อมากลายเป็นความจริงอันยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย

ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ สิ้นสุด หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ได้ติดตามพระบิดาไปประจำการในต่างประเทศ และทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ เดนมาร์ก และฝรั่งเศส โดยทรงสนใจด้านดนตรีเป็นพิเศษ ขณะประทับที่กรุงปารีส ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช ซึ่งขณะนั้นทรงศึกษาต่อที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ความสนพระทัยร่วมกันในด้านดนตรีทำให้ทั้งสองพระองค์มีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น

ต่อมา เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๓ ได้มีพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราช กับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ วังสระปทุม และได้รับการสถาปนาเป็น “สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์”

ภายหลัง ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม ปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สถาปนาขึ้นเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี” ตามโบราณราชประเพณี

ต่อมาในปี ๒๔๙๙ เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงผนวชเป็นพระภิกษุ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และภายหลังในวันที่ ๕ ธันวาคม ปีเดียวกัน ทรงได้รับการเฉลิมพระนามเป็น “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ”

ในแผ่นดินรัชกาลที่ ๑๐ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระนามาภิไธยว่า “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง” ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ เพื่อเทิดพระเกียรติในฐานะสมเด็จพระบรมราชชนนีในรัชกาลที่ ๑๐

ตลอดพระชนมชีพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงอุทิศพระวรกายและพระสติปัญญาในการบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ทั้งด้านการส่งเสริมศิลปาชีพ การอนุรักษ์ผ้าไทย การพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎรในถิ่นทุรกันดาร และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรมของชาติอย่างยั่งยืน

ปวงชนชาวไทยทั่วประเทศต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และพร้อมถวายความอาลัยแด่พระผู้ทรงเป็น “พระแม่แห่งแผ่นดิน” ผู้ทรงเป็นแรงบันดาลใจแห่งความรัก ความเสียสละ และความจงรักภักดีต่อแผ่นดินไทยตราบนิรันดร์

ขอบคุณภาพและข้อมูลเพจ / โบราณนานมา