นายอานนท์ แสนน่าน ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านเสื้อแดงอุดรธานี โพสต์ข้อความผ่านเฟชบุ๊ก ระบุว่า วันนี้(6 ธันวาคม 2561) ได้รับ “สัญญาณมาแล้ว” ขอแจ้งไปทางประธานหมู่บ้าน ประธานตำบล ประธานอำเภอ ประธานจังหวัด และ ประธานภูมิภาคแต่ละภาค ให้สมาชิกทุกท่านเตรียมความพร้อม เพื่อขับเคลื่อนเรียกร้องประชาธิปไตย สนับสนุน “พรรคฝ่ายประชาธิปไตย” โดยทาง คสช.จะเรียกตัวแทนพรรคการเมืองแต่ละพรรคร่วมประชุมถึงแนวความพร้อมการเลือกตั้ง และปลดล็อกทางการเมือง ในวันที่ 7 ธันวาคม 2561 คืนอำนาจบางส่วนให้กับประชาชน ให้สามารถขับเคลื่อนทางการเมืองได้
ในฐานะที่เราเป็น “ประชาชน” โดย “ประชาชน” และเพื่อ “ประชาชน” จะได้ออกมาสนับสนุนพรรคการเมืองที่เรารักและต้องการสนับสนุนได้อย่างเต็ม 100% จึงขอแจ้งให้สมาชิกทราบว่า ในฐานะพวกเราคือ “หมู่บ้านเสื้อแดง เพื่อประชาธิปไตย” จะเปลี่ยนมาเป็น “หมู่บ้านเพื่อประชาธิปไตย” จะสนับสนุนผู้สมัครจาก 2 พรรคการเมือง คือ “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคไทยรักษาชาติ” โดยจะมีผู้สมัคร ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย ลงสมัคร ส.ส.ในจังหวัดภาคอีสาน และ ภาคเหนือ ยกเว้นจังหวัดแพร่ และ จังหวัดเพชรบูรณ์ ที่จะมีผู้สมัคร ส.ส.เขตจาก “พรรคไทยรักษาชาติ”
ส่วนภาคใต้ จะมีผู้สมัคร ส.ส.เขตจาก “พรรคไทยรักษาชาติ” ครบทุกเขต ในขณะที่ทางภาคกลางจะมีผู้สมัคร ส.ส.เขตสลับกันระหว่าง “พรรคเพื่อไทย” และ “พรรคไทยรักษาชาติ” ให้สมาชิกพวกเราพร้อมสนับสนุนให้มี ส.ส.ระบบเขตเกิน 200 คน และมี ส.ส.ระบบปาตี้ลิส เกิน 80 คน จะสามาถจัดตั้งรัฐบาลด้วยตัวเองได้ ซึ่ง “พรรคเพื่อไทย” ก็จะสามารถกลับมาช่วยเหลือประชาชนเรื่องปากท้องได้เป็นอย่างดี
ซึ่งในวันที่ 10 ธันวาคม 2561 นี้เราจะมีการประกาศจุดยืนและเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2561 ไม่ให้มีการเลื่อนเลือกตั้งอย่างเด็ดขาด โดยจะมีการรวมตัวกันแสดงการเรียกร้องเชิงสัญลักษณ์ ณ หมู่บ้านเพื่อประชาธิปไตย บ้านทุ่งใหญ่ ต.ทุ่งใหญ่ อ.ทุ่งฝน จ.อุดรธานี เวลา 13.00 น.เป็นต้นไป จึงอยากให้สมาชิกที่ใกล้เคียงมาพร้อมกัน โดยทาง นายอฤเดช แพงอะมะ ส.อบจ.อุดรธานี เขต อ.ทุ่งฝน จะคอยต้อนรับสมาชิก “ทุกคนมาด้วยใจ ไม่มีการจ้าง มาแสดงพลังผู้รักประชาธิปไตย” ให้ฝ่ายเผด็จการได้เห็นกันว่า “สัญญาณมาแล้ว เราพร้อมขับเคลื่อนและเดินหน้าต่อไป”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ นายอานนท์ แสนน่าน เป็นแกนนำเสื้อแดง ที่ออกมาโพสต์ภาพขณะนำคณะคนเสื้อแดงเดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อรับนโยบายในการขับเคลื่อนช่วยเหลือประชาชน