“ณัฐพล” ถึงมาเลย์แล้ว พบ “อันวาร์” ก่อนเข้า GBC บ่ายนี้

486

กัวลาลัมเปอร์, วันที่ 7 ส.ค. – เวลา 08:00 น. (ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาตามประเทศไทย 1 ชั่วโมง) – พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ รักษาการ รมว.กลาโหม และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย–กัมพูชา สมัยวิสามัญ พร้อมคณะประกอบด้วย พล.อ.สนิธชนก สังขจันท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พล.อ. ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก พล.ร.อ. ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ เสนาธิการทหารเรือ พล.อ.อ. วชิระพล เมืองน้อย เสนาธิการทหารอากาศ เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร รองแม่ทัพภาคที่ 2 ตลอดจน เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการต่างประเทศ,  กระทรวงมหาดไทย เดินทางถึง ท่าอากาศยานทหาร Subang ประเทศมาเลเซีย เพื่อร่วมการประชุมของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย–กัมพูชา สมัยวิสามัญ

จากนั้น พล.อ.ณัฐพล ได้เข้าเยี่ยมคารวะ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้ และเจ้าภาพสถานที่การประชุม GBC โดยในการเข้าเยี่ยมคารวะครั้งนี้ มีพล.อ.เตีย เซรยฮา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกในวันนี้ ที่ไทย-กัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรี ก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC ในช่วงบายของวันนี้

สำหรับการประชุมในครั้งนี้ หัวใจสำคัญของการเจรจา มุ่งเน้นความปลอดภัยและความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนของทั้งสองประเทศเป็นหลัก โดยการเจรจานี้จะต้องเป็นไปตามกฎหมายของประเทศไทย กฎหมายระหว่างประเทศ และยึดผลประโยชน์และศักดิ์ศรีของประเทศชาติเป็นสำคัญ

สำหรับ 8 ข้อเสนอที่ฝ่ายไทยนำเข้าสู่ที่ประชุมได้แก่

1.ให้ไทย-กัมพูชา หยุดยิงเด็ดขาด โดยทั้ง 2 ฝ่าย ตกลงที่จะหยุดยิงในพื้นที่ที่มีความขัดแย้ง เพื่อยุติการปะทะ และลดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งกำลังพลและประชาชน

2.การคุ้มครองประชาชน เน้นย้ำมาตรการคุ้มครองพลเรือน และจะไม่ยิงโจมตี ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ชายแดน

3.การงดการเสริมกำลัง ห้ามไม่ให้มีการนำกำลังทหาร หรือยุทโธปกรณ์เพิ่มเติม เข้าไปในพื้นที่พิพาท เพื่อป้องกันการยกระดับความรุนแรงของสถานการณ์

4.การห้ามเคลื่อนย้ายกำลัง โดยตกลงว่า จะไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลังพล ภายในพื้นที่ชายแดน ที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเพิ่มความตึงเครียด ซึ่งจะช่วยรักษาสภาพพื้นที่ให้คงที่

5.การอำนวยความสะดวกการส่งกลับ โดยทั้งสองฝ่ายจะให้ความร่วมมือ และอำนวยความสะดวกส่งกลับผู้บาดเจ็บ และผู้เสียชีวิต จากเหตุการณ์ปะทะ

6.การจัดตั้งชุดประสานงานเฉพาะกิจ เพื่อให้การแก้ปัญหาเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ พร้อมจัดตั้งคณะทำงานประสานงานฝ่ายละ 4 นาย ทำหน้าที่สื่อสาร และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า

7.การปรับกำลังทหาร เพื่อลดการเผชิญหน้าของกำลัง 2 ฝ่าย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นหลักสำคัญ ที่นอกเหนือจากการหยุดยิง / เพราะหากกำลังทหารสองฝ่าย เผชิญหน้ากันอยู่ จะทำให้เกิดการปะทะกันได้ตลอดเวลา

8. หากไทย-กัมพูชา เห็นพ้องต้องกัน อาจนำไปสู่การลงนามเป็นข้อตกลง และให้มีผลบังคับใช้ในระดับนโยบายของทั้ง 2 ประเทศ