“รอง ผอ.สำนักพุทธฯ” วอนพุทธศาสนิกชน เสพข่าวพระสงฆ์ด้วยสติ แยกแยะ “คน” กับ “คำสอน” อย่าปล่อยศรัทธาสั่นคลอนเพราะอารมณ์

1172

”รอง ผอ.สำนักพุทธฯ“ วอน ศาสนิกชน เสพข่าวพฤติกรรมพระสงฆ์“ด้วยสติ” อย่ามากกว่าด้วย “อารมณ์” โปรดพึงแยกแยะระหว่าง “ตัวบุคคล” กับ “คำสอนของพระพุทธเจ้า” ให้ชัดเจน

เมื่อวันที่ 10 ก.ค.2668 ผู้สื่อข่าวไทยแทบลอยด์ รายงานว่า นายบุญเชิด กิตติธรางกูร รอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้เขียนข้อความส่งแชร์ต่อผ่านโซเชียลไลน์ มีใจความระบุว่า : ถึงพี่น้องชาวพุทธที่เคารพรักทุกท่าน

ในห้วงยามนี้ มีข่าวคราวอันบั่นทอนศรัทธาในพระพุทธศาสนาแพร่กระจายอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะกรณีพระสงฆ์บางรูปที่ประพฤติผิดพระธรรมวินัย นำมาซึ่งความคลางแคลงใจ ความเสียใจ และแม้กระทั่งความโกรธในใจของพุทธศาสนิกชนหลายท่าน ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรตั้งใจรับฟังและไม่ควรปฏิเสธความรู้สึกนั้น

แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราควรมองสถานการณ์นี้ด้วย “สติ” มากกว่าด้วย “อารมณ์” และพึงแยกแยะระหว่าง “ตัวบุคคล” กับ “คำสอนของพระพุทธเจ้า” ให้ชัดเจน

แม้มีพระสงฆ์บางรูปละเมิดพระธรรมวินัย แต่ก็ยังมีพระภิกษุอีกเป็นจำนวนมาก — มากกว่าหลายแสนรูปทั่วประเทศ — ที่ยังคงตั้งมั่นในพระธรรม ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เคร่งครัดในวินัย สืบสานพระศาสนาด้วยความมุ่งมั่น อดทน และเสียสละเงียบ ๆ ท่ามกลางสังคมที่สั่นคลอนด้วยข่าวร้าย

พุทธศาสนาไม่ใช่ของพระรูปใดรูปหนึ่ง หากแต่เป็น ทางแห่งปัญญา ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงชี้ไว้แล้ว และพระสงฆ์ที่ดีทั้งหลายก็ยังเดินตามทางนี้ด้วยศรัทธาอันมั่นคง ดังนั้น อย่าให้ข่าวร้ายเพียงบางกระแส มาปิดบังความจริงอันงดงามที่ยังคงดำรงอยู่ในวงการสงฆ์ไทย

ศาสนาไม่ได้ตกต่ำเพราะการกระทำของคนเพียงไม่กี่คน หากตกต่ำเพราะพวกเรา “เลิกใช้ปัญญา” ในการมอง และ “เลิกใช้ศรัทธา” ในการรักษา

ขอให้ทุกท่านได้ใช้โอกาสนี้ กลับมาทบทวนว่า

❝ เราเชื่อในพระพุทธเจ้า หรือเชื่อในตัวแทนบางท่านที่ยังห่างจากพระองค์? ❞

ขอให้ท่านทั้งหลายได้มองด้วยใจที่เปิดกว้าง เห็นความจริงด้วยดวงตาแห่งธรรม และจงอย่ายอมให้เหตุการณ์ใด มาทำลายรากเหง้าแห่งปัญญาและความดีในใจของเราเอง

ศรัทธาของพุทธศาสนิกชนจะมั่นคงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการรู้เท่าทัน และการเลือกตั้งมั่นในคุณธรรม มากกว่าการปล่อยใจให้ไหลไปตามคลื่นของกระแสข่าว

ขออนุโมทนาในเจตนาอันดีของพี่น้องผู้ยังรักษาศรัทธาไว้ได้ และขอเป็นกำลังใจให้ผู้ที่กำลังสั่นไหว ได้หันกลับมาพึ่ง “ธรรม” แทนการท้อแท้ และพึ่ง “ปัญญา” แทนการโกรธเกลียด ด้วยความเคารพและปรารถนาดีในธรรม ”