ประเด็นดราม่าระหว่าง แท็กซี่มิเตอร์กับ Grab (หรือแอปเรียกรถอื่น ๆ) ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นเหมือนละครภาคต่อที่ฉายซ้ำทุกปี ด้วยเนื้อหาเดิม ๆ แต่ผู้แสดงอารมณ์ดราม่าเป็นคนละรอบกัน

วันนี้เจ้ขอพูดตรง ๆ แบบประชาชนคนหนึ่งที่เคยใช้บริการทั้งสองอย่างนะคะ:
1. แท็กซี่มิเตอร์ – ตำนานคู่ถนนเมืองไทย
หลายคนมีประสบการณ์ “พี่ไม่ไป”, “ขอเหมา”, หรือ “รอผู้โดยสารฝรั่งเท่านั้น” ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้ความนิยมของแท็กซี่ลดลง ถึงแม้จะมีหลายคนที่ดี ขับสุภาพ ซื่อสัตย์ — แต่ก็แพ้เสียงข้างมากจากแท็กซี่สาย “สายซิ่ง ไม่คิดมิเตอร์” ไปแล้ว แท็กซี่จำนวนมากยังต้องเช่ารถ วันละหลายร้อย ต้องเติมแก๊ส ต้องรับความเสี่ยงบนถนน แต่ดันเจอคู่แข่งที่ไม่ต้องติดป้ายเหลือง ไม่ต้องวิ่งไปจอดแถวหน้าห้างให้โดนไล่
2. Grab (หรือแอปฯ ต่าง ๆ) – พระเอกที่ประชาชนชอบ แต่รัฐยังแบน Grab เข้ามาในฐานะ “ผู้กล้าแห่งความสะดวก” เพราะเรียกง่าย จ่ายสะดวก คนขับมีให้เลือกหลากหลาย และที่สำคัญ… “ไม่ปฏิเสธผู้โดยสาร” (แต่อาจแคนเซิลในแอปฯ แทน)แต่ในมุมกลับ Grab ก็มีปัญหา เช่น บางรายค่าบริการสูงในชั่วโมงเร่งด่วน คนขับไม่คุ้นเส้นทาง หรือบางคนตั้งราคาพิเศษแบบชวนงงกว่ามิเตอร์เสียอีก!
3. รัฐอยู่ไหน? คำถามล้านวิว: “แล้วภาครัฐทำอะไรอยู่?” คำตอบคือ “ตั้งคณะกรรมการศึกษาปัญหา” ซึ่งมักลงเอยด้วยการเก็บไว้ในแฟ้มเอกสารที่หายากยิ่งกว่าตัวแท็กซี่ที่รับทุกที่
สรุป:• ถ้ามองในแง่ผู้บริโภค: คนอยากได้บริการที่ สะดวก, สุภาพ, ตรงเวลา และราคาเป็นธรรม• ถ้ามองในแง่คนขับแท็กซี่: เขากำลังโดนบีบจากทั้งคู่แข่งใหม่และต้นทุนชีวิต• ถ้ามองในแง่รัฐ: ถึงเวลาที่ต้อง ปรับกฎให้เท่าเทียม และดูแลคนทุกฝ่าย ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนเป็นสนามประลองของระบบที่ไม่เคยอัปเดต
พูดง่าย ๆ ว่า ตอนนี้คนขับแท็กซี่ขับรถตาม
กฎปี 2540 แต่กำลังแข่งกับแอปฯ ที่อัปเดตทุกสัปดาห์ — จะให้ยุติธรรมยังไง ถ้ากติกายังเป็นระบบวินเทจ? เรื่องนี้จะจบยังไง? เอาจริง ๆ นะเจ้าคะ…เจ้ว่า อาจจะไม่จบ แต่อาจ “วนลูป” แบบซีรีส์ที่ไม่มีวันจบตอนสุดท้าย เหมือนละครน้ำเน่าเรตติ้งดีที่คนดูไม่เลิก แต่ถ้าให้วิเคราะห์แบบมีสติ ไม่ประชดประชัน ก็มี 3 ทางเป็นไปได้:
1. รัฐบาลลุกขึ้นมา “กล้าตัดสินใจ” ทำให้ทุกอย่างถูกกฎหมายและเท่าเทียม(โอกาส: ต่ำ แต่ไม่เป็นศูนย์)• รัฐจะต้องปรับกฎหมายให้ Grab และแอปอื่น ๆ ถูกกฎหมายเต็มตัว• พร้อม ๆ กับการ “ปฏิรูปแท็กซี่” ให้เป็นระบบทันสมัย เช่น ไม่ต้องเช่ารถแพง, มีสวัสดิการ, ระบบร้องเรียนทันสมัย• เมื่อมีการแข่งขันที่ยุติธรรม ทุกฝ่ายก็ต้องปรับตัว ใครบริการดี ก็รอด จุดจบแบบนี้: Happy Ending (แต่ต้องการความกล้า และไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน)
2. ปล่อยให้ตลาดตัดสินไปเรื่อย ๆ รัฐไม่ยุ่ง(โอกาส: สูงมาก)• แท็กซี่บางส่วนจะเลิกขับ หันมาเป็นคนขับแอปฯ เอง
• แอปฯ จะยิ่งครองตลาด แล้วรัฐค่อย ๆ ยอมรับโดยปริยาย (โดยไม่มีการปฏิรูปอะไรทั้งนั้น)• คนขับแท็กซี่ที่เหลืออาจต้องปรับตัว แต่ด้วยความลำบากเพราะต้นทุนสูง• ประชาชนได้บริการดีขึ้น แต่ระบบไม่ยุติธรรมกับคนขับบางกลุ่ม
จุดจบแบบนี้: จบแบบ “ครึ่ง ๆ กลาง ๆ” — ประชาชนโอเค แต่คนขับบางกลุ่มเจ็บ
3. ทุกอย่างเงียบไปอีกพัก…แล้ววนกลับมาระเบิดใหม่(โอกาส: เกือบ 100%) • พอข่าวเงียบ สังคมก็ลืม รัฐไม่ทำอะไร แอปยังวิ่งได้ แท็กซี่ยังบ่นได้• อีก 6 เดือนมีคลิปใหม่ คนขับแอปทะเลาะแท็กซี่ โผล่ TikTok • แล้วเราก็กลับมาถามกันว่า “เรื่องนี้เมื่อไหร่จะจบ?”
จุดจบแบบนี้: ละครน้ำเน่าตอนต่อไป
บทสรุปส่วนตัว: เรื่องนี้จะ “จบดี” ได้ ต้องมี “ความกล้า” จากรัฐ, “ความเข้าใจ” จากประชาชน และ “ความปรับตัว” จากคนขับทุกกลุ่ม — ซึ่งถ้าทั้ง 3 อย่างนี้ยังไม่มาพร้อมกัน…เราก็จะได้นั่งดูภาคต่อไปเรื่อย ๆ เจ้าค่ะ… รักนะ จุ๊บ จุ๊บ


