หากจับสถานการณ์ทางการเมืองเดือนสุดท้ายปี 2567 จะเห็นภาพความขัดแย้งในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็นประเด็นแกนนำม็อบบางคนบางกลุ่มเกิดอาการหลงเงาถือกะลาออกมาเคาะ หรือพรรคเพื่อไทยเสนอกฎหมายปฏิรูปกองทัพเอาผิดทหารก่อรัฐประหาร หรือรัฐบาลชักเข้าชักออกกับนโยบายแจกเงิน 10,000 บาทจนกลายเป็นดราม่าว่าหลักลอย หรือประเด็นเขากระโดง ต่างฟันธงว่าเลือกปฏิบัติ รวมถึงประเด็นอื่นๆอีกมากมายถ้าไม่ปล่อยวางกันบ้างชวนให้ปวดหัวถึงขั้นเครียด
ครั้งนี้”จอมมารน้อย”ยังไม่อยากเขียนถึงประเด็นดังกล่าวให้ผู้อ่านชวนปวดหัวตามไปด้วย แต่ขอเขียนถึงนโยบายป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลที่ผลักดันเป็นวาระแห่งชาติ ทั้งในยุคของนายเศรษฐา ทวีสิน ต่อเนื่องมาถึงยุค น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ที่ดูเหมือนผลงานจะไม่สมราคาเป็นวาระแห่งชาติเท่าที่ควร เพราะยาเสพติดยังหาซื้อได้ราคาถูก ทาสยาเกิดอาการหลอนก่อเหตุอาชญากรรมให้เห็นแบบรายวัน แต่หลังจาก น.ส.แพทองธาร ประกาศนโยบายนี้ไปแล้วเกิดความเคลื่อนไหวอย่างจริงจังของข้าราชการบางส่วนในการตอบนอง แต่ที่น่าสนใจและปรากฏเป็นข่าวว่าตอบรับอย่างจริงจังมี 2 หน่วยงาน
หน่วยงานแรก อ.นาดูน จ.มหาสารคาม เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม น.ส.อิงอร ปรีฉันท์ นายอำนาดูน จัดประชุมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมกับหัวหน้าส่วนราชการการอำเภอนาดูน เมื่อถึงเวลาประชุม น.ส.อิงอร สั่งการให้ปลัดอำเภอและเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร(อส.)ปิดห้องประชุม สั่งให้ตรวจปัสสาวะ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและหน่วยงานอื่นๆ ตามยุทธการมหาสารคาม เมืองปลอดยาเสพติด โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
มีผู้เข้าร่วมประชุมจำนวน 314 คน ปรากฏว่ามีผู้ใหญ่บ้าน 2 คน มีปัสสาวะเป็นสีม่วง จากนั้นส่งต่อโรงพยาบาลนาดูน ตรวจซ้ำ ถ้าทางโรงพยาบาลยืนยันแน่ชัดว่าเสพยา จะทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทำการปลดทันทีโดยไม่มีการละเว้นหรืออะลุ่มอล่วย เพราะเป็นผู้นำหมู่บ้านแต่กลับติดยาเสพติด
ระหว่างนั้นมีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งหลีกเลี่ยงนำน้ำเปล่าใส่ขวดส่งให้ตรวจ โดยอ้างว่าปัสสาวะไม่ออก น.ส.อิงอร สั่งให้การติดตามตัวกลับมาแล้วนำตัวไปตรวจที่โรงพยาบาล หลังจากนั้น น.ส.อิงอรได้เซ็นข้อตกลงกับหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องถิ่น และผู้บริหารสถานศึกษา ของอำเภอนาดูน เพื่อไม่ให้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
น.ส.อิงอร บอกว่าก่อนที่จะแก้ปัญหายาเสพติดให้กับประชาชน ต้องกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดก่อน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าเจ้าหน้าที่รัฐจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด
หน่วยงานที่ 2 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(บก.ภ.จว.)เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม พล.ต.ต.ธวัชชัย พงษ์วิวัฒนชัย ผบก.ภ.จว.เชียงใหม่ สั่งให้ตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของตำรวจในสังกัด ตามโครงการร่วมแก้ปัญหาในพื้นที่เพื่อให้ประชาชนมีความสุข เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ต่อประชาชน
การตรวจปัสสาวะครอบคลุมทุกระดับตั้งแต่ ผบก.- รอง ผบก. – ผกก. หัวหน้าโรงพักทั้ง 38 สถานี ที่เข้าร่วมประชุมบริหารประจำเดือนธันวาคม รวมถึงให้ตรวจปัสสาวะตำรวจฝ่ายอำนวยการทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ประจำบก.ภ.จว.เชียงใหม่ ผลตรวจปรากฏว่าไม่พบตำรวจใช้สารเสพติดแต่อย่างใด พล.ต.ต.ธวัชชัย บอกว่าเป็นการแสดงถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบในสายงานตำรวจ ขอให้ตำรวจทุกนายรักษามาตรฐานในการปฏิบัติงานเพื่อประโยชน์ของประชาชนและภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กรตำรวจ
นับเป็นความตั้งใจที่ดีของ พล.ต.ต.ธวัชชัย แต่ถ้าจะให้เห็นผลในภาพกว้างควรมอบนโยบายให้หัวหน้าโรงพักทั้ง 38 สถานีไปดำเนินการตรวจหาสารเสพติดกับตำรวจทุกนายที่ประจำอยู่ทั้ง 38 โรงพักแล้วนำผลตรวจประกาศให้สาธารณชนรับทราบ ยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับประชาชนชาวเชียงใหม่ว่าตำรวจกวาดบ้านเพื่อรองรับการปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจังแล้ว
เมื่อมองถึงความเคลื่อนไหวของทั้ง 2 หน่วยงาน ถือว่าหัวหน้าหน่วยมีความตั้งใจที่จะลุยกับยาเสพติดที่กำลังระบาดอย่างหนักด้วยการเริ่มจากกวาดบ้านตัวเองให้สะอาดแล้วเดินหน้าแก้ปัญหายาเสพติดให้บรรลุเป้าหมายตามที่รัฐบาลวางนโยบายไว้
ถ้า น.ส.แพทองธาร อยากให้ชาวบ้านเห็นว่ารัฐบาลเอาจริงกับนโยบายนี้ ลองใช้แนวทางของ อ.นาดูนและบก.ภ.จว.เชียงใหม่ สั่งการให้หน่วยรัฐทุกหน่วยกวาดบ้านให้สะอาดก่อนพร้อมกันทั่วประเทศ หากพบว่าข้าราชการคนไหนเป็นทาสยาสั่งลงโทษทันที แต่การลงมือทำต้องใช้แนวทางของ อ.นาดูน ที่ไม่แจ้งล่วงหน้ารับรองว่าจะจับขี้ยาในคราบเจ้าหน้าที่รัฐได้จำนวนมากแน่นอน
แต่ในความเป็นจริงถ้าหัวหน้าหน่วยงานคนไหนมีสำนึกที่ดีอยากช่วยแก้ปัญหายาเสพติดให้เบาบาง ควรลงมือทำทันทีเพราะมีตัวอย่างของ อ.นาดูนและ บก.ภ.จว.เชียงใหม่ ให้เห็นแล้ว โดยไม่ต้องรอรัฐบาลสั่งการซ้ำสองอีก!!!