“พล.ต.อ.เอกฯ” แจงยิบ การแต่งตั้ง รอง ผบช.จำนวน 41 และ ผบก.75 ตำแหน่ง เตือนผู้มีอำนาจแต่งตั้งทุกระดับ ทั้งโทษวินัยและอาญา
พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ โพสต์ข้อความลงในเพจ facebook ระบุ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ได้เป็นประธานฯ ประชุมก.ตร. มีมติให้ความเห็นชอบการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ,รอง ผบ.ตร. ,ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผบช. ตามลำดับ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
การดำเนินการเป็นไปตามกฎหมาย กฎเกณฑ์การแต่งตั้งและแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.)
เมื่อปรากฎผลการประชุม ก.ตร. ได้รับคำชื่นชมจากพี่น้องข้าราชการตำรวจและสื่อมวลชนที่เฝ้าจับตาดูการแต่งตั้งอย่างใกล้ชิดว่า จะมีการแทรกแซงจากการเมือง มีตั๋วต่างๆ มีข่าวการซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ ซึ่งสื่อมวลชนได้ลงข่าวว่า ไม่มีการซื้อขายตำแหน่งแต่อย่างใด
การแต่งตั้ง ที่จะดำเนินการต่อไป เป็นการแต่งตั้งระดับ รอง ผบช. จำนวน 41 ตำแหน่ง ระดับ ผบก. จำนวน 75 ตำแหน่ง
ตร. มีหนังสือลงวันที่ 28 พ.ย.2567 แจ้งให้หน่วยต่างๆ เรื่องการคัดเลือกแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ โดยให้จัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ฯลฯ ส่ง ตร. ภายในวันที่ 6 ธ.ค.2567
หลักเกณฑ์การพิจารณา ให้พิจารณาจากผู้มีความรู้ความสามารถ เรียงตามลำดับอาวุโสจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนตำแหน่งว่าง จำนวนตำแหน่งว่างที่เหลือ ให้พิจารณาโดยคำนึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกัน
การพิจารณาความสามารถรู้ความสามารถ ให้คำนึงถึงประวัติรับราชการ ผลการปฏิบัติงาน ความประพฤติ และผลการประเมินความพึงพอใจที่ประชาชนหรือผู้รับบริการได้รับจากการให้บริการของข้าราชการตำรวจ
ประวัติรับราชการ ให้พิจารณาจากประสบการณ์และความชำนาญงานโดยเฉพาะ ประสบการณ์และความชำนาญในสายงานที่จะได้รับการแต่งตั้ง โดยพิจารณาตั้งแต่เริ่มรับราชการในระดับชั้นสัญญาบัตร
ผลการปฏิบัติงาน ให้พิจารณาผลงานในหน้าที่รับผิดชอบที่แสดงถึงความมุ่งมั่นในการทำงาน การติดตามงานให้บรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมาย ความรอบคอบในการปฏิบัติหน้าที่ และปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรืองานอื่นที่ได้รับมอบหมายเป็นพิเศษ รวมถึงการประเมินผลการปฏิบัติราชการโดยให้นำผลงานดีเด่นตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด
ในการพิจารณาความประพฤติ ให้คำนึงถึงการรักษาวินัย การประพฤติตนตามประมวลกฎหมายจริยธรรมข้าราชการตำรวจ จรรยาบรรณของข้าราชการตำรวจ รวมถึงภาวะความเป็นผู้นำ ความสามารถในการปกครองบังคับบัญชา การทำงานร่วมกับผู้อื่นในหมู่คณะ มนุษสัมพันธ์ในการทำงานที่สามารถร่วมกับผู้อื่นได้มาประกอบการพิจารณาด้วย
การพิจารณาคัดเลือกให้ผู้มีอำนาจพิจารณาคัดเลือกหรือแต่งตั้งเรียงลำดับอาวุโส โดยคำนึงถึงผู้ที่ได้รับการพิจารณา จะต้องมีคุณสมบัติเฉพาะสำหรับตำแหน่งที่จะแต่งตั้งเป็นสำคัญ
ขั้นตอนดำเนินการดังนี้
(1) ผบก. จัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและบัญชีผู้ที่ยังไม่เหมาะสมฯ(ถ้ามี) ของข้าราชการตำรวจระดับ รอง. ผบก. เรียงลำดับผู้เหมาะสมมากที่สุดลงไปจนถึงน้อยที่สุดส่งไปยัง บช.
(2) ผบช. จัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสม เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและบัญชีผู้ที่ยังไม่เหมาะสมฯ(ถ้ามี) ระดับ รอง ผบก. เลื่อนเป็น ผบก. และระดับผบก. เลื่อนเป็น รอง ผบช. โดยพิจารณาเป็นรูปคณะกรรมการฯ เรียงลำดับผู้เหมาะสมมากที่สุดลงไปจนถึงน้อยที่สุดส่งไปยัง ตร.
(3) ผบ.ตร. จัดทำบัญชีผู้อยู่ในเกณฑ์ที่สมควรได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น เรียงตามลำดับอาวุโส และข้อมูลของ ผบก.และผบช. ประกอบการพิจารณา เสนอไปยังคณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ ระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร. เป็นประธาน จตร. รอง ผบ.ตร. และผู้แทน กพ. เป็นกรรมการ) พิจารณาตรวจสอบคุณสมบัติและความเหมาะสม
โดยกฎหมายกำหนดให้ ผบ.ตร. ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจคัดเลือกหรือแต่งตั้งจะต้องพิจารณาจากรายชื่อข้าราชการตำรวจ ที่คณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจมีมติเสนอแนะก่อนเสนอ ก.ตร.พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
(4) ก.ตร. มีหน้าที่และอำนาจ พิจารณาให้ความเห็นชอบ หากตรวจสอบแล้วเห็นว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่ พ.ร.บ.นี้กำหนด ให้แจ้ง ผบ.ตร. เพื่อดำเนินการแก้ไขให้ถูกต้อง
(5) ก.ตร. มีมติเห็นชอบแล้ว นายกรัฐมนตรี นำความกราบบังคมทูล เพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งต่อไป
ผู้บังคับบัญชาทุกระดับ จะต้องจัดทำบัญชีข้อมูลผู้เหมาะสมเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น บัญชีผู้อยู่ในเกณฑ์ที่สมควรจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นและการพิจารณาต้องเป็นไปตามที่กฎหมาย และกฎ ก.ตร. กำหนดทุกประการ
มิฉะนั้นแล้วหาก ก.พ.ค.ตร. หรือศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัยหรือพิจารณาว่า การเรียงลำดับอาวุโสหรือในการแต่งตั้ง ผู้บังคับบัญชาไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ให้ถือว่าผู้บังคับบัญชาผู้นั้น กระทำผิดวินัย และให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจพิจารณา ลงโทษผู้นั้นตามควรแก่กรณี ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจาก ก.พ.ค.ตร. หรือศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษา หรือคำสั่ง แล้วแต่กรณี โดยไม่ต้องทำการสอบสวนอีก แล้วรายงานให้ ก.ตร. ทราบ
ในกรณีที่ ก.ตร. มีมติเห็นว่าการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ดังกล่าวเป็นการจงใจหรือช่วยเหลือบุคคลหนึ่งบุคคลใด หรือเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใด ให้ถือว่าผู้บังคับบัญชาผู้นั้น กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง และให้ผู้บังคับบัญชาผู้มีอำนาจ ดำเนินการลงโทษผู้นั้น โดยไม่ต้องดำเนินการสอบสวน
ผู้ใดให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด หรือแอบอ้างอำนาจของบุคคลใดหรือเรียก รับ ยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด หรือกระทำการใดอันมิชอบ เพื่อให้มีการแต่งตั้งหรือไม่แต่งตั้งผู้ใดให้ดำรงตำแหน่งใด ไม่ว่าการแต่งตั้งหรือไม่แต่งตั้งนั้นจะชอบด้วยหลักเกณฑ์ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 หรือไม่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี
ผมมั่นใจว่าก.ตร. จะพิจารณาให้ความเห็บชอบการแต่งตั้ง ระดับ รอง ผบช. และผบก. ตามกฎหมาย กฎก.ตร. และคำวินิจฉัยของก.พ.ค.ตร. เช่นเดียวกับการพิจารณาการแต่งตั้งระดับ ผบ.ตร. ,รอง ผบ.ตร. ,ผู้ช่วย ผบ.ตร. และผบช. ตามที่ได้พิจารณามาแล้วโดยเคร่งครัดต่อไป
Cr.ไทยรัฐอนนไลน์ คอลัมน์ ”ส่องตำรวจ“ เรื่อง การซื้อขายตำแหน่งหายไป :
https://www.thairath.co.th/news/local/2828146
คลิกอ่านรายละเอียดใน FB พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่นี่
https://www.facebook.com/share/p/1BRK4CuzZe
#กู้คืนศักดิ์ศรีตำรวจดีของประชาชน
#กตรผู้ทรงคุณวุฒิ
#ปฏิรูปตำรวจ
#การแทรกแซงทางการเมือง
#ระบบคุณธรรม
#ตำรวจ