ใบมันสำปะหลัง สูตรอาหาร“จิ้งหรีด”ลดต้นทุน

67

ARDA โชว์งานวิจัยรักษ์โลก นำใบมันสำปะหลังเหลือใช้พัฒนาสูตรอาหาร “จิ้งหรีด” ลดต้นทุน พร้อมเดินหน้าสร้างมาตรฐานฟาร์ม..ก้าวเข้าสู่จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาหารโลก




จากการที่องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ประกาศให้ “แมลง” เป็นแหล่งอาหารในอนาคตของโลก ทดแทนแหล่งโปรตีนจากเนื้อสัตว์ เพื่อรองรับจำนวนประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง “จิ้งหรีด” ได้รับการยกย่องให้เป็นอีกหนึ่งในแมลงโปรตีนแห่งอนาคตที่ได้รับความสนใจจากผู้เลี้ยงและกลุ่มคนรักสุขภาพและสิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันเกษตรกรยังประสบปัญหาในด้านมาตรฐานการผลิตและต้นทุนการผลิตและความมั่นใจของผู้บริโภค สำนักงานพัฒนาการวิจัยการเกษตร (องค์การมหาชน) หรือ ARDA ได้สนับสนุนทุนวิจัยให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง พัฒนาสูตรอาหารลดต้นทุนจากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร ยกระดับกระบวนการเลี้ยงจิ้งหรีดไทยให้มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย มีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม



ดร.วิชาญ อิงศรีสว่าง ผอ. ARDA เปิดเผยว่า มูลค่าตลาดของอาหารโปรตีนจากแมลงทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 14,000 ล้านบาท และจากข้อมูลของสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) คาดการณ์ว่าในปี 70 ตลาดจะเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า มีมูลค่าสูงถึง 70,000 ล้านบาท ประเทศไทย ถือเป็นเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเพาะเลี้ยงและผลิตโปรตีนทางเลือกจากแมลง สามารถผลิตแมลงเศรษฐกิจได้มากกว่า 7,000 ตัน/ปี และมีฟาร์มเลี้ยงมากกว่า 20,000 ฟาร์ม โดยจิ้งหรีดเป็นแมลงที่มีความต้องการของตลาดและเกษตรกรนิยมเลี้ยงมากที่สุด อีกทั้งยังที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เลี้ยงง่าย ขยายพันธุ์เร็ว ให้ผลผลิตสูง โดยแม่พันธุ์ 1 ตัว ให้ลูกถึง 1,000 ตัว รวมถึงใช้พื้นที่และปริมาณน้ำในการเลี้ยงน้อย ภายในเวลา 1 ปี จะเลี้ยงจิ้งหรีดได้ 7 – 8 รุ่น เกษตรกรจึงนิยมเลี้ยงเป็นอาชีพเสริมไว้บริโภคและจำหน่ายเพื่อเพิ่มรายได้

ARDA ได้เล็งเห็นปัญหาและโอกาสในการลดต้นทุน โดยเฉพาะด้านอาหารซึ่งปัจจุบันราคาประมาณ 600 บาท / 30 กิโลกรัม พร้อมทั้งต้องการยกระดับฟาร์มเลี้ยงให้ถูกต้องตามหลักสุขอนามัยเพื่อผลักดันสู่อาหารปลอดภัยมูลค่าสูง จึงได้สนับสนุนทุนวิจัยให้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ดำเนินโครงการ “การยกระดับคุณภาพการเลี้ยงจิ้งหรีดสู่อาหารปลอดภัยมูลค่าสูงของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนบ้านผาแดง อ.งาว จ.ลำปาง” เพื่อพัฒนาและทดสอบสูตรอาหารลดต้นทุนที่เหมาะสมด้วยพืชผลทางการเกษตรในท้องถิ่น โดยนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการผลิตเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน พร้อมพัฒนาระบบจัดการข้อมูลเพื่อติดตามและประเมินผลการผลิตและการตลาด ภายใต้การบริหารจัดการเพื่อพัฒนา RAINS for Upper Northern Food Valley (Increase the value of agricultural products and food by BCG model ) ประจำปี 66 ซึ่งมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องมากมาย อาทิ การจัดทำคู่มือฟาร์มมาตรฐานเพื่อสร้างแนวทางการผลิตที่ปลอดภัยต่อผู้บริโภค การพัฒนาผลิตภัณฑ์จิ้งหรีดแปรรูปต่างๆ อาทิ ผงโรยข้าว อาหารเสริม เครื่องดื่ม การพัฒนาแบรนด์โดยชูจุดเด่นเรื่องความปลอดภัยและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น

ด้าน ผศ.ฐิฏิกานต์ สุริยะสาร หัวหน้าโครงการวิจัยฯ กล่าวว่า คณะผู้วิจัยฯได้ลงพื้นที่คัดเลือกฟาร์มต้นแบบในพื้นที่บ้านผาแดง 3 ฟาร์ม ได้แก่ ขุนงาวฟาร์ม วรางคณาฟาร์ม และรัตน์บ้านสวนฟาร์ม เป็นฟาร์มนำร่อง เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีดพื้นที่บ้านผาแดงประสบปัญหาการเลี้ยงจิ้งหรีดที่ได้ผลผลิตน้อย โตช้า ตายมาก และมีค่าอาหารสูง ทางคณะฯ จึงได้ค้นหาพืชที่มีอยู่ทั่วไป หาได้ง่าย และมีราคาถูกในพื้นที่มาทดลองทำอาหารสำหรับเลี้ยงจิ้งหรีด พบว่าชาวบ้านในพื้นที่บ้านผาแดงปลูกต้นมันสำปะหลังและทิ้งหรือเผาใบมันเป็นจำนวนมาก จึงได้นำใบมันสำปะหลังมาทำการทดลอง โดยนำมาบดเป็นผงทดแทนอาหารสำเร็จรูปที่จำหน่ายในท้องตลาด ในปริมาณที่แตกต่างกัน

ผลการทดลองพบสูตรที่เหมาะสมมี 2 สูตร ได้แก่ สูตรอาหาร 70:30 ประกอบด้วยอาหารจิ้งหรีดสำเร็จรูปร้อยละ 70 และมีใบมันสำปะหลังที่ผ่านกระบวนอบแห้งเรียบร้อยแล้วร้อยละ 30 สามารถจับจิ้งหรีดขายได้ภายใน 43 – 45 วัน และ สูตร 80:20 อาหารจิ้งหรีดสำเร็จรูปทางการค้าคิดเป็นร้อยละ 80 และมีใบมันสำปะหลังที่ผ่านกระบวนเรียบร้อยแล้วคิดเป็นร้อยละ 20 สามารถจับจิ้งหรีดขายได้ภายใน 45 – 50 วัน โดยสูตรอาหารเลี้ยงจิ้งหรีดทั้ง 2 สูตรสามารถผลิตจิ้งหรีดที่มีปริมาณไขมัน โปรตีน ใยอาหาร เถ้า คาร์โบไฮเดรต ไคติน แคโรทีนอยด์ คลอโรฟิลล์เอ คลอโรฟิลล์บี โดยไม่มีคอเลสเตอรอลและไม่มีไซยาไนด์ ส่งผลให้ต้นทุนในการเลี้ยงจิ้งหรีดลดลงร้อยละ 30 และ 20 ตามลำดับ และจากการนำไปทดลองเลี้ยงเป็นระยะเวลา 1 ปี พบว่า ทั้ง 3 ฟาร์ม พึงพอใจกับสูตรอาหารเป็นอย่างมาก ทำให้ต้นทุนอาหารลดลงประมาณ 6,200 บาทต่อปี สร้างรายได้รวมกว่า 273,000 บาทต่อปี ที่สำคัญโครงการยังมีส่วนช่วยลดการเผาใบมันสับปะหลังที่สร้างปัญหาฝุ่นควันในพื้นที่ได้อย่างมาก

สำหรับผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักสนับสนุนงานวิจัย – ARDA โทรศัพท์. 0-2579-7435 ต่อ 1304

#Thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ #ข่าวเกษตร