ทุกอาชีพมีจรรยาบรรณให้ยึด แต่เหล่าเซเลบ กลับละเลยกลายเป็นหอกแทง”ตัวเอง-แฟนคลับ”

675

ช่วงติดตามข่าวคดีดิไอคอน ที่บรรดาเซเลบถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก โดยเฉพาะ ดารา พิธีกร  ที่ร่วมเป็นผู้บริหารและพรีเซ็นตอร์ โฆษณาสินค้ารวมถึงชักชวนให้ประชาชนทั่วไปร่วมลงทุน เป็นแม่ข่าย ลูกข่าย โดยใช้ชื่อเสียงและรูปลักษณ์ ดึงดูดให้ประชาชนที่เป็นแฟนคลับหลงเชื่อ



       ซึ่งพฤติกรรมของเซเลบบางคนจะออกมารูปแบบอัดคลิปปล่อยในโซเชียล อวดความร่ำรวย โชว์ชีวิตอยู่อย่างหรูหรา เพื่อดึงดูดให้ประชาชนหลงเชื่อว่าชีวิตดี รวยเร็ว มาจากร่วมงานกับดิไอคอน

      จังหวะที่บรรดาเซเลบเครือข่ายของดิไอคอนกำลังปัดกันพัลวันว่าเกี่ยวข้องน้อยบ้าง แค่รับจ้างบ้าง ไม่ใช่ผู้บริหารบ้าง ปรากฏว่าในโลกออนไลน์มีการแชร์คลิปมีผู้ใช้ X ชื่อ @ki12290 โพสต์บทสัมภาษณ์บางช่วงบางตอนของ ฮาน่า ทัศนาวลัย ภรรยา ฮิวโก้ จุลจักร จักรพงษ์ มีข้อความว่า “ตัวอย่างนักแสดงที่มีวิจารณญาณในการรับพรีเซนเตอร์ คุณฮิวโก้ค่ะมีหลายคนที่คิดแบบคุณฮิวโก้ แต่อันนี้ก็นานละ”

      โดยย้อนไปเมื่อวันที่ 6 เมษายน 2564 ฮาน่า ทัศนาวลัย ให้สัมภาษณ์รายการหนึ่งว่า” ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกับสามี เพราะเรื่องไม่รับงาน ไม่รับพรีเซนเตอร์ 12 ปีที่แต่งงานปฏิเสธให้ทุกปี ถ้าเขาไม่ได้ใช้สิ่งนั้นจริงๆหรือไม่ได้มีประโยชน์กับผู้บริโภคหรือเป็นอะไรที่เว่อร์เกินเขาไม่เอา เราก็ทะเลาะไง ฉันเรียกให้ตั้ง 5-6 ล้านบาท เราไม่เข้าใจ เขาบอกว่าเงินได้มาเดี๋ยวก็หมด ภาพพจน์ติดตัวไปจนตายนะ เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ทำอะไรที่ทำให้กระทบถึงชื่อเสียงเขาหรือไม่ได้มีประโยชน์จริงๆหรือไม่ได้ใช้จริง”

      จากบทสัมภาษณ์ของฮาน่าพออนุมานได้ว่า ฮิวโก้ จุลจักร ในฐานะที่เป็นดารา นักร้อง มีชื่อเสียงประชาชนให้ความเชื่อถือ ไม่ยอมใช้ชื่อเสียงของตัวเองเพื่อแลกกับผลประโยชน์ในการเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาสินค้าโดยที่ตัวเองไม่ได้ลองใช้จริง

     จึงทำให้อดคิดไม่ได้ว่าสินค้าที่บรรดาเซเลบรับเป็นพรีเซนเตอร์นั้น ได้ทดลองใช้จริงและใช้เป็นประจำทุกวันนั้นมีกี่เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับเซเลบที่ไปร่วมงานกับบริษัทดิไอคอนฯ ได้ใช้สินค้าของดิไอคอนฯจริงหรือไม่หรือเป็นเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงมาดึงดูดให้ประชาชนหลงเชื่อเพื่อแลกกับผลประโยชน์ก้อนโต รวมถึงเซเลบที่เข้าไปเป็นผู้บริหารได้ศึกษาข้อมูลอย่างจริงจังหรือไม่ ว่ารูปแบบของบริษัทดิไอคอนฯจะเข้าข่ายหลอกลวงแฟนคลับหรือประชาชนทั่วไปหรือไม่ หรือมุ่งหวังเพียงเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ตอบแทนที่สูง สร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองในเวลาชั่วพริบตา โดยไม่สนใจว่าแฟนคลับหรือประชาชนที่เข้าร่วมเพราะเกิดความเชื่อมั่นนั้นจะทุกข์ระทมแค่ไหน

      ครั้นหันมามองในฟากที่ออกมาเป็นปากเป็นเสียงแทนชาวบ้านไม่ว่าจะเป็นพวกอินฟลูเอนเซอร์หรือทนายความบางคน ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่าเขามาช่วยด้วยความบริสุทธิ์ใจแบบใสๆหรือมีผลประโยชน์ใดแอบแฝงหรือไม่ ?

        เท่าที่สังเกตพฤติกรรมของทนายบางคนแสดงอาการเชิงข่มขู่ว่าจะตรวจสอบพฤติกรรมของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทดิไอคอนฯ บางคนถึงขั้นเตือนพรีเซนเตอร์ที่ชักชวนลงทุนเตรียมรับผิดชอบตามกฎหมายโทษหนักทั้งจำและปรับ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ไม่แน่ใจว่าออกมาเพียงเพื่อโฆษณาดึงดูดให้มีการว่าจ้างหรือไม่ ?

    ขณะที่สื่อหลายสำนักฯโดยเฉพาะพิธีกรรายการเชิงข่าวเชิญวิทยากรออกรายการแล้วยกประเด็นที่เกี่ยวกับคดีให้แสดงความเห็นในเชิงขยี้บีบให้พนักงานสอบสวนขีดเส้นตายในการออกหมายจับผู้ถูกกล่าวหา บางคนถึงขั้นพิพากษาไปเรียบร้อยแล้วว่าผู้ถูกกล่าวผิดเพียงเพื่อให้สังคมเกิดความสะใจ ซึ่งผิดรูปแบบของสื่อมวลชนที่ต้องนำเสนอข่าวทั้งสองฝ่ายให้ประชาชนพิจารณาถึงข้อเท็จจริง ไม่ใช่ทำตัวเป็นผู้ตัดสินความ เพราะหากคดีสู่ชั้นศาลผู้ถูกกล่าวหาอาจจะชนะคดีก็เป็นได้ผลเสียตกกับผู้ถูกกล่าวหาเพราะถูกสังคมพิพากษาตามที่สื่อชี้นำไปแล้ว

      ที่ยกเหตุการณ์และพฤติกรรมต่างๆมานำเสนอนั้นมิได้มุ่งหวังที่จะตัดสินว่าใครผิดใครถูก เพราะแต่บุคคลล้วนมีเหตุผลที่พึงกระทำแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะให้ได้มาซึ่งรายได้หรือเพียงเพื่อให้มีชื่อติดอยู่ในกระแสเผื่อผลประโยชน์จะตามในภายหลัง

        แต่ยกมาเพียงเพื่อสื่อสารว่าในทุกอาชีพล้วนมีจรรยาบรรณให้ยึดถือ หลายอาชีพถึงขั้นบัญญัติไว้เป็นลายลักษณ์อักษรให้ยึดถือและปฏิบัติ บางอาชีพไม่ได้บันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรแต่รับรู้กันในกลุ่มชนผู้ร่วมอาชีพว่าต้องมีหลักจริยธรรมมารยาท ที่ทุกคนเชื่อว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงาม ควรร่วมรักษาไว้เพื่อธำรงเกียรติและศรัทธาจากประชาชน

    จากกรณีของดิไอคอนสะท้อนได้ชัดเจนว่าบรรดาเซเลบส่วนใหญ่ละเลยสิ่งนี้ ยอมใช้ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือที่ประชาชนมอบให้ เป็นเครื่องมือแสวงประโยชน์สร้างความร่ำรวยให้กับตัวเองแบบไม่ค่อยใยดีถึงความรู้สึกของประชาชนและแฟนคลับ

      พอถึงฉากสุดท้ายกลายเป็นหอกทิ่มแทงตัวเองและแฟนคลับบาดเจ็บสาหัสพอๆกัน เมื่อคดีดิไอคอนได้บทสรุปจบเหล่าเซเลบทั้งหลายที่เกี่ยวข้องต้องกลับมาทบทวนบทของตัวเองว่าจะเดินต่ออย่างไร จะยึดแบบ”ฮิวโก้ จุลจักร”น่าจะเป็นผลดีเหมือนที่เขากล่าวไว้ว่า”เงินได้มาเดี๋ยวก็หมด ภาพพจน์ติดตัวไปจนตาย”!!!