”ผู้ช่วยฯไมค์“พร้อมทีมงานฯ นำหมายศาล บุกตรวจค้นตึกแถวย่านสมุทรสาครผงะ..!!! เจอของกลางบุหรี่ไฟฟ้าราคากว่า 2 ล้านบาท
ตรวจพบเป็นแหล่งพักเตรียมกระจายส่งขายทั่วไทย รวบเจ้าของ เป็นจีนเทามีประวัติเข้า-ออกไทยถี่
เมื่อวันศุกร์ ที่ 4 ต.ค.67 พล.ต.ท.นิรันดร เหลื่อมศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร.เปิดเผยว่าตาม มติ ครม. และนโยบายของรัฐบาล ที่สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมายเพื่อปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในกลุ่มเด็กและเยาวชน ในการนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.รรท.ผบ.ตร., ตนในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเร่งรัดคดียาสูบฯ และ ผู้แทน ผบ.ตร. ในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ
จึงได้กำหนดมาตรการปราบปราม โดยเฉพาะการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ และมอบหมายให้กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี สืบสวนจับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายช่องทางออนไลน์รายใหญ่ และโกดังเก็บสินค้า เพื่อตัดวงจรการกระจายสินค้าไปยังร้านค้ารายย่อย ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
พล.ต.ท.นิรันดร กล่าวว่าวันนี้ตนพร้อมด้วย พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.ฯ ปรก. บช.สอท., นายแพทย์ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผู้อำนวยการกองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค กระทวงสาธารณสุข , พันตำรวจตรี กล้าหาญ คล่องพยาบาล รองผู้อำนวยการกองคดีภาษีอากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ , คณะทำงานของ สมาชิกวุฒิสภา (นายปริญญา วงษ์เชิดขวัญ) ประกอบด้วย นายนพดล รัตนแสงหิรัญ ผู้เชี่ยวชาญสมาชิกวุฒิสภา, นายสุทธิศักดิ์ บุญประดิษฐ์ ผู้ช่วยดำเนินงาน สมาชิกวุฒิสภา และนายเอนก ปานทิพย์ ที่ปรึกษาสมาชิกวุฒิสภา , พ.ต.อ.ดำรงศักดิ์ สว่างงาม รอง ผบก.ฯ ปรก.สง.ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พ.ต.อ.สมพล ใจดี รอง ผบก.สอท.2 บช.สอท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ภายใต้การควบคุมของ พ.ต.อ.สุวัฒนชัย ศรีทองสุข ผกก.1 บก.สอท.2 และเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.1 บก.สอท.2 บช.สอท.
ได้ร่วมกันติดตามผลการตรวจค้น ตามหมายค้นของศาล ภายในบริเวณอาคารพาณิชย์ พื้นที่ ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมืองสมุทรสาคร จว.สมุทรสาคร ผลการตรวจค้นพบของกลางเป็นบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมอุปกรณ์รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สอท.2 จึงได้จับกุมผู้ลักลอบนำเข้าและจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าดังกล่าว (เป็นผู้ต้องหา สัญชาติจีน 1 ราย) พร้อมของกลางดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
ของกลางที่ตรวจยึดได้ ประกอบด้วย
(1.)บุหรี่ไฟฟ้าแบบบรรจุกล่องสำเร็จรูป ใช้แล้วทิ้ง 700 กล่อง(2.) เครื่องบุหรี่ไฟฟ้ารอบรรจุลงกล่อง 3000 ชิ้น(3.)หัวพอตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ารอบรรจุจำนวน 870 ชิ้น(4.)เครื่องบุหรี่ไฟฟ้าพร้อมหัวพอตบรรจุแล้วจำนวน 300 กล่อง(5.)บรรจุภัณฑ์ (กล่องเปล่า) และหัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า(6.)เครื่องซีลจำนวน 1 เครื่อง
พล.ต.ท.นิรันดร กล่าวอีกว่า ผลการดำเนินการดังกล่าว เป็นการบูรณาการความร่วมมือการปฏิบัติระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข กรมสอบสวนคดีพิเศษ ตลอดจนภาคีเครือข่ายจากสมาชิกวุฒิสภา เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าให้เกิดผลเป็นรูปธรรมตามนโยบายของรัฐบาล
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า การจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิดตามกฎหมาย มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากประชาชนท่านใด พบเห็นหรือมีเบาะแสเกี่ยวกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า สามารถแจ้งเบาะแสได้ที่ สายด่วน 1599 สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ”ผู้ช่วย ผบ.ตร. กล่าว“
มีรายงานว่า สำหรับคดีดังกล่าวน่าสนใจตรงที่ ผู้ต้องหาเป็นคนจีนมาทำธุรกิจสีเทาในไทย ข้อมูลผู้ต้องหาสัญชาติจีน จำนวน 1 ราย ผู้ต้องหารายนี้เริ่มเข้าไทยครั้งแรก 27 เม.ย66 เข้าไทยมาแล้ว 7 ครั้ง ออก 7 ครั้ง ระยะเวลา อยู่ใน ไทย ประมาณ 1 เดือน ล่าสุดเดินทางมาจากจีนลง ลง สุวรรณภูมิ เมื่อคืนที่ที่ผ่านมา
ซึ่งคดีดังกล่าวมี พฤติการณ์ มีการสั่งของจากจีนเข้ามา แล้วผู้ต้องหาบินตามมาเอาของเก็บไว้ที่สถานที่เกิดเหตุ และ จัดการเรื่องการจำหน่ายทางออนไลน์ทั้งปลีกและส่ง หลังจากนั้นบินกลับไป และ สั่งของเข้ามาใหม่ วนเป็นวงจร อาศัยที่เดินทางเข้าได้สะดวก โดย พล.ต.ท.นิรันดร ได้สั่งการให้ทำการสืบสวนขยายผลและจัดทำเครือข่ายเพื่อนำไปสู่การบังคับใช้กฎหมายต่อไป
