ห้วงเวลาที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีพร้อมแกนนำพรรคเพื่อไทย กำลังฟอร์มคณะรัฐมนตรี(ครม.)สื่อทุกสำนักนำเสนอข่าวไปตามกระแสเพราะส่วนใหญ่ต่างทราบกันดีว่าพรรคร่วมรัฐบาลเสนอรัฐมนตรีที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นหลัก
แต่พอถึงโค้งสุดท้ายกลับกลายเป็นเป้าถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักทั้งจากสื่อกระแสหลักสื่อโซเซียลเมื่อ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยอมถอยเพราะเกรงว่าคุณสมบัติไม่เหมาะสม อาจจะถูกนักร้องนำไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญแล้วจะช้ำรอยแบบนายเศรษฐา ด้วยการส่ง น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ บุตรสาว เข้ารับตำแหน่งแทน ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกของประชาชนที่มีสื่อโซเซียล อยู่ในมือไม่ว่าจะเป็น เฟซบุ๊ก ไลน์ อินตาแกรม และติ๊กต๊อก เป็นต้น ต่างตั้งคำถามว่าตำแหน่งเสนาบดีส่งต่อจากพ่อสู่ลูก พี่สู่น้อง ลูกสู่ได้หรือ เป็นมรดกให้เฉพาะนักการเมืองบ้านใหญ่เท่านั้นหรือ บางกลุ่มต่างพร้อมใจตั้งฉายาว่า“ครม.สืบสันดาน”โดยอิงชื่อจากซีรีย์ดังทางเน็ตฟิก รวมถึงมีการขุดความสัมพันธ์ของบรรดารัฐมนตรีชุดนี้ที่สืบทอดอำนาจกันทางสายเลือดออกมานำเสนอ
เริ่มที่ น.ส.แพทองธาร บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง บุตรชาย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา บุตรชาย นายเสนาะ เทียนทอง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล บุตรสาวนายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมาดไทย บุตรชาย นายชวรัตน์ ชาญวีรกุล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ซีบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย บุตรสาวนายชาดา
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ น้องชายนายเนวิน ชิดชอบ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ น้องชาย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ บิดานายอรรถกร ศิริลัทธยากร อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ และนายวราวุธ ศิลปะอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ บุตรชายนายบรรหาร ศิลปะอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี
บริบทเหล่านี้เป็นสิ่งที่ประชาชนทั่วไปสะท้อนออกมา แต่เมื่อส่องดูความเห็นของนักการเมืองทั้งในอดีตและปัจจุบันกลับมีน้อยมาก แม้แต่บรรดาอดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.)เครือข่ายเผด็จทหารที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับพรรคเพื่อไทย แทบจะไม่แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวเลยไม่ว่าจะเป็นอดีต สว.ตัวจี๊ดๆก็ไร้ความเคลื่อนไหว จะมีวิจารณ์บ้างจะเป็นประเด็นอื่น อาทิ ตั้งคนไม่เหมาะกับงาน หรือปล่อยให้ทหารป่ามาคุมทหารเมือง ที่ตั้งนายภูมิธรรม เวชยชัย หรือสหายอ้วน นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งสาเหตุที่สงบปากสงบคำอาจเกรงว่าจะถูกย้อนศร เนื่องจาก สส.หรือ สว.สามารถแต่งตั้งทีมงานประจำตัวได้ถึง 5 คน รวมถึงคัดสรรบุคคลนั่งในตำแหน่งต่างๆ ล้วนแต่คัดจากเครือญาติและคนสนิทเข้ารับตำแหน่งแทบทั้งสิ้น
อย่างกรณี สว.ชุดก่อนมีข่าวสะพัดว่าเพื่อเลี่ยงเสียงครหา จะใช้วิธีฝากเลี้ยง เช่น สว.เอ อยากให้ทายาทมีตำแหน่งพร้อมเงินเดือน จะฝากให้ สว.บี รับไปแต่งตั้ง และ สว.บี อยากให้ทายาทหรือคนใกล้ชิดมีตำแหน่งฝากให้ สว.ซี แต่งตั้ง ทาง สว.ซี มีความยากกันจะฝากให้สว.เอ ไปดำเนินการ
ขณะที่บรรดา สส.ไม่ได้น้อยหน้าต่างแต่งตั้งทายาทและคนใกล้ชิดนั่งตำแหน่งผู้ช่วยฯและผู้เชี่ยวชาญฯกินเงินเดือนกันแบบสบายใจเฉิบ เช่นกัน ซึ่งเหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นในทุกพรรคการเมืองไม่เว้นแม้แต่พรรคการเมืองที่ปากบอกว่าจะทำการเมืองแนวใหม่ ไม่อยากให้ประชาชนยึดติดกับระบบอุปถัมภ์ ซึ่งการตั้งทายาท ญาติหรือคนใกล้ชิด เป็นผู้เชี่ยวชาญประจำตัวหรือผู้ติดตามฯไม่แน่ใจว่าเกิดขึ้นกับบรรดา สส.พรรคประชาชนบ้างหรือไม่ แต่จากที่ประเมินดูแล้วน่าจะเกิดขึ้น เพราะเท่าที่ติดตามดูยังไม่พบว่า สส.พรรคประชาชน คนไหนวิพากษ์วิจารณ์การสืบทอดตำแหน่งทางการเมืองของรัฐบาลแพทองธาร อย่างชัดแจ้งเลย
จากปรากฏการณ์ที่ยกมานำเสนอเพียงเพื่อสื่อให้เห็นว่าพฤติกรรมของนักการเมืองไทยไม่ว่าจะเป็น สส.หรือ สว.ล้วนแต่จมอยู่ในระบบอุปถัมภ์แทบทั้งสิ้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆเมื่อบรรดานักการเมืองบ้านใหญ่ตั้งทายาทขึ้นสืบทอดอำนาจทางการเมืองจะพบพฤติกรรมของนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลจะสงบปากสงบคำ เพราะต่างอยู่ในอาการ”หยิกเล็บเจ็บเนื้อ”แทบทั้งสิ้น !!!