“ประชาชน” ชงจัดทำระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ “เท้ง” ขอรัฐบาลสั่งอปท.ซ้อมแผนเผชิญเหตุ

268

ที่รัฐสภา วันที่ 29 สิงหาคม 2567 ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาศึกษาหาแนวทางในการรับมือเผชิญเหตุ และมาตรการในการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติและสถานการณ์อุทกภัยในประเทศ ตลอดจนการศึกษาหาแนวทางในการบริหารจัดการน้ำและแจ้งเตือนภัยทั้งระบบเพื่อรับมือกับเหตุภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อส่งข้อเสนอแนะให้คณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป โดยระบุว่า หน้าที่ของสส. คือการเป็นปากเสียง สะท้อนปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในสภาฯ ซึ่งวันนี้ สส. พรรคประชาชนจะนำเสียงสะท้อนเหล่านั้น ทั้งปัญหาเชิงพื้นที่ตามลุ่มน้ำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลุ่มน้ำโขง ลุ่มน้ำภาคเหนือ ลุ่มน้ำภาคกลาง จนถึงปัญหาน้ำทะเลหนุนบริเวณอ่าวไทย และปัญหาเชิงประเด็น มาสะท้อนโดยมีข้อเสนอเชิงนโยบายการจัดการน้ำทั้งระบบส่งต่อให้ ครม. แม้ตอนนี้จะเป็น ครม.รักษาการ แต่เชื่อว่า ครม. ที่จะมาแถลงนโยบายต่อรัฐสภาในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้ จะรับข้อเสนอเหล่านี้ไปบรรจุเป็นนโยบาย

หัวหน้าพรรค ปชช. กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ จ.เชียงราย เมื่อวันศุกร์ที่ 23 ส.ค. ที่ผ่านมา ที่ อ.เวียงแก่น, อ.ขุนตาล และ อ.เทิง เพียงจังหวัดเดียวพบว่ารายละเอียดของปัญหาแตกต่างกัน ที่เวียงแก่นเกิดจากน้ำป่า แต่ที่ อ.ขุนตาล และ อ.เทิง เป็นพื้นที่ตรงกลางระหว่างกว๊านพะเยาที่รับน้ำมาจากลุ่มน้ำอิงไหลออกสู่แม่น้ำโขง ประชาชนหลายคนสะท้อนว่าเกิดมา 70-80 ปี ไม่เคยท่วมหนักขนาดนี้มาก่อน ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเชียงรายอยู่ตรงกลาง น้ำจากแม่อิงก็สูง น้ำโขงก็สูง ทำให้เชียงรายท่วมสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งปัญหานี้เกี่ยวข้องกับโครงการสร้างเขื่อนปากแบงซึ่งอยู่นอกพื้นที่ประเทศไทย เราจึงจำเป็นต้องมีเวทีในการจัดการลุ่มน้ำโขง ที่วันนี้ตนเชื่อว่ายังไม่มีการเจรจาหารือกับประเทศจีนอย่างเต็มที่เพราะจีนยังไม่ได้เป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง

ณัฐพงษ์กล่าวว่า แม่น้ำโขงตอนล่าง เป็นอีกพื้นที่ในบริเวณภาคอีสานที่ต้องจัดการอีกแบบ, การจัดการลุ่มน้ำภาคเหนือ ปิง วัง ยม น่าน, การจัดการลุ่มน้ำภาคกลาง ไม่ว่าจะเป็นลุ่มน้ำท่าจีน ทุ่งรับน้ำบางบาล รวมถึงการรับมือปัญหาน้ำทะเลหนุน การทดน้ำที่บึงบอระเพ็ด และการจัดการพื้นที่นอกแนวเขตกั้นน้ำ เป็นสิ่งที่ สส
ของพรรคจะอภิปรายถึง ขณะเดียวกันปัญหาการแจ้งเตือนภัย ข้อเสนอเกี่ยวกับศูนย์บริหารจัดการหรือวอร์รูมในการรับมือภัยพิบัติ ระบบเซ็นเซอร์ IoT ระบบโทรมาตร ถ้าเราสามารถบูรณาการระบบต่างๆ นี้เข้าด้วยกันทั้งภาครัฐและเอกชน จะสามารถจัดทำระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติได้ หรือปัญหาดินถล่มที่ จ.ภูเก็ต กลไกของรัฐมีแล้ว เครื่องไม้เครื่องมือในการเฝ้าระวังมีแล้ว แต่ทำไมเวลาเกิดเหตุจริงถึงใช้การไม่ได้

สส.พรรคประชาชน จะชี้ให้เห็นด้วยว่าปัจจุบันทุกองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) มีแผนเผชิญเหตุอย่างทั่วถึงแล้ว แต่ไม่เคยซักซ้อม พอเกิดเหตุขึ้นจริงจึงรับมือไม่ได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า อปท.ยังขาดแคลนงบประมาณ ขาดแคลนบุคลากร ขาดแคลนอำนาจในการแก้ไขปัญหารับมือภัยพิบัติให้ประชาชน

ณัฐพงษ์กล่าวว่า จึงได้สรุปออกมาเป็น 5 หัวข้อสำคัญ คิดว่า ครม. รักษาการชุดนี้และชุดต่อไป จะต้องจริงจังกับการแก้ไขปัญหาทั้งเฉพาะหน้าและระยะยาว 1 การให้ อปท.ทั่วประเทศซักซ้อมแผนเผชิญเหตุที่มีอยู่แล้ว เมื่อภัยพิบัติมาถึงจะได้มีความพร้อมในการปฏิบัติ 2 รัฐบาลต้องมีความชัดเจนในมาตรการการเยียวยา ประชาชนต้องได้รับการชดเชยเยียวยาทันทีและทั่วถึง 3 การวางแผนให้สามารถมองเห็นระบบการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ จากโขงสู่ภาคเหนือ ภาคกลาง ก่อนไหลออกสู่อ่าวไทย 4 การใช้เวทีเจรจานานาชาติ โดยเฉพาะกับประเทศจีน เพราะเรื่องลุ่มน้ำโขงไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะประเทศไทย และ 5 การบูรณาการข้อมูลภาครัฐและภาคเอกชนในการจัดทำระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ

ณัฐพงษ์ทิ้งท้ายว่า สุดท้ายขณะนี้อยู่ในช่วงการรักษาการของคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบัน แต่ตนคาดหวังและอยากเห็นเป็นอย่างยิ่งว่าการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ จะมีความชัดเจนในแผนการรับมือภัยพิบัติของประเทศในอนาคต

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #พรรคประชาชน #ณัฐพงษ์เรืองปัญญาวุฒิ #ระบบแจ้งเตือนภัยแห่งชาติ #แผนเผชิญเหตุ