แนะผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยาเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย

269

แนะผู้เลี้ยงสัตว์น้ำ 11 จังหวัดลุ่มเจ้าพระยาเตรียมรับสถานการณ์อุทกภัย

นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า จากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่จ.เชียงราย พะเยา น่าน แพร่ กรมประมงได้สั่งการให้หน่วยงานในพื้นที่ประสบอุทกภัยและใกล้เคียง นำเรือตรวจการประมงเข้าพื้นที่ประสบอุทกภัยเพื่อบูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นๆ เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที อาทิ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามประมงน้ำจืดพิษณุโลกร่วมกับเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประมงจังหวัดแพร่ นำเรือตรวจประมงนเรศวร 04 ออกปฏิบัติงานช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน ช่วยอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่อุทกภัย และลำเลียงผู้ป่วยส่งต่อให้กับเจ้าหน้าที่มูลนิธิในพื้นที่ต.ในเวียง พร้อมนำอาหารและน้ำดื่มไปมอบให้กับประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่อ.เมืองแพร่

พร้อมทั้งเร่งสำรวจความเสียหายของเกษตรกรผู้ประสบภัยด้านการประมง ในพื้นที่ 4 จังหวัด ที่พบพื้นที่ได้รับผลกระทบแล้ว 34 อำเภอ เกษตรกร 7,405 ราย พื้นที่ได้รับความเสียหาย 5,638.57 ไร่ มูลค่าความเสียหาย 85,717,602 บาท วงเงินช่วยเหลือ 33,608,791.04 บาท ทั้งนี้ กรมประมงจะเร่งสำรวจพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายและจะให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่ประสบภัยตามระเบียบของกระทรวงการคลัง ว่าด้วยเงินทดรองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 โดยมีอัตราการให้ความช่วยเหลือ ดังนี้
1. กุ้งก้ามกราม กุ้งทะเล หรือหอยทะเล ไร่ละ 11,780 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่
2. ปลาหรือสัตว์น้ำอื่นๆ นอกจากข้อ 1. ที่เลี้ยงในบ่อดิน นาข้าวหรือร่องสวน (คิดเฉพาะพื้นที่เลี้ยง) ไร่ละ 4,682 บาท ไม่เกินรายละ 5 ไร่
3. สัตว์น้ำตามข้อ 1. และข้อ 2. ที่เลี้ยงในกระชัง บ่อซีเมนต์ หรือที่เลี้ยงในลักษณะอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกันตารางเมตรละ 368 บาท ไม่เกินรายละ 80 ตารางเมตร

นอกจากนี้ จากหนังสือแจ้งเตือนสถานการณ์น้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาฉบับที่ 5 กรมชลประทาน (วันที่ 27 ส.ค. 67) แจ้งเตือน 11 จังหวัด ในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ประกอบด้วย จ.อุทัยธานี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี ลพบุรี ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ และกรุงเทพฯ โดยเฉพาะประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและพื้นที่ลุ่มต่ำทั้ง 11 จังหวัด เฝ้าติดตามและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด กรมประมงขอประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเตรียมการเฝ้าระวัง ป้องกัน และพร้อมรับมือกับสถานการณ์ โดยมีข้อแนะนำ ดังนี้

1.คำแนะนำสำหรับเกษตรกรที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อดิน ให้เกษตรกรติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ปรับปรุงและเสริมคันบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้สูงกว่าปริมาณน้ำที่เคยท่วมในปีที่ผ่านมา ทำร่องระบายน้ำและขุดลอกตะกอนดินที่จะทำให้ร่องระบายน้ำตื้นเขินออก เพื่อให้น้ำไหลเข้าออกได้สะดวก ควบคุมการใช้น้ำและรักษาปริมาณน้ำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำให้พอเหมาะหรือปริมาณ 2 ใน 3 ส่วน ของน้ำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ เตรียมเครื่องเพิ่มออกซิเจนในน้ำไว้ให้พร้อมใช้ กรณีน้ำจากภายนอกไหลเข้าบ่อกะทันหัน จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ให้พร้อม ทยอยจับสัตว์น้ำที่ได้ขนาดขึ้นมาจำหน่ายหรือบริโภค เพื่อลดปริมาณสัตว์น้ำภายในบ่อ ลดความสูญเสียให้มากที่สุด เตรียมปูนขาวไว้ปรับสภาพน้ำในบ่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำหลังน้ำท่วม ปริมาณ 50-60 กิโลกรัม/ไร่ ตรวจสอบคุณภาพน้ำภายนอกหากจะนำเข้าบ่อจะต้องแน่ใจว่าน้ำมีสภาพปกติเพื่อป้องกันน้ำเสียเข้าบ่อ หลีกเลี่ยงการปล่อยสัตว์น้ำในขณะฝนตก

2.คำแนะนำสำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง ให้ติดตามข่าวสารการพยากรณ์อากาศจากทางราชการอย่างใกล้ชิด ทยอยจับสัตว์น้ำที่ได้ขนาดขึ้นมาจำหน่ายหรือบริโภค เพื่อเป็นการลดปริมาณสัตว์น้ำภายในบ่อ เพื่อลดความสูญเสียให้มากที่สุด ควรจัดวางกระชังให้มีระยะห่างกันพอสมควร และทำความสะอาดกระชัง เพื่อให้น้ำหมุนเวียนถ่ายเทสะดวก หมั่นตรวจสอบดูแลความแข็งแรงของกระชังอยู่เสมอ เปลี่ยนเนื้ออวนและปิดด้านบนกระชังด้วยเนื้ออวน เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์น้ำที่เลี้ยงออกจากกระชัง เตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นไว้ให้พร้อม สำหรับกระชังที่อยู่บริเวณแนวทางเดินของน้ำช่วงที่มีน้ำหลากควรเลื่อนกระชังออกจากบริเวณดังกล่าว เพราะอาจเกิดความเสียหายจากความแรงของน้ำหลากและสิ่งเจือปนที่มากับกระแสน้ำ

ท้ายนี้ กรมประมงจะเร่งดำเนินการทุกมิติอย่างเต็มกำลัง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกรชาวประมง หากต้องการคำแนะนำสามารถติดต่อได้ที่สำนักงานประมงอำเภอ สำนักงานประมงจังหวัด ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงในพื้นที่ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริและกิจกรรมพิเศษ กลุ่มช่วยเหลือเกษตรกรและชาวประมง กรมประมง โทร 02 558 0218 และ 02 561 4740.

#Thaitabloid#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์