มนต์เสน่ห์เมืองน่าน …กับวิกฤตน้ำท่วมใหญ่

2437

“เห็นข่าวน้ำท่วมในพื้นที่ภาคเหนือของไทยช่วงนี้รู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก เพราะสถานที่หลายแห่งทางรองเท้าแก้วและผู้อ่านก็คงเคยไปเยือนมาแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดน่าน ที่ตอนนี้กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก มีชาวบ้านเดือดร้อน บ้านเรือนพังเสียหาย ทรัพย์สินจมหายไปต่อหน้าต่อตา สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอย่างวัดภูมินทร์ ก็เป็นอีกแห่งที่ได้รับผลกระทบ จากน้ำท่วมส่งผลให้สถาปัตยกรรมโบราณที่สวยงามและล้ำค่าของไทยก็พลอยจะเสียหายไปด้วย รองเท้าแก้วจึงได้แต่หวังว่าสถานการณ์จะคลี่คลายโดยเร็ว ไม่เกิดความสูญเสียหรือหากเกิดก็ขอให้น้อยที่สุด”

วันนี้จึงอยากมาชวนทุกคนไปเที่ยวเมืองน่านด้วยกัน อย่างที่บอกตอนต้นเรื่องว่ารองเท้าแก้วเคยไปเยือนมาแล้วหลายครั้ง เพราะมีความชื่นชอบในวิถีชีวิตของผู้คน ที่อยู่กันอย่างเรียบง่าย และธรรมชาติ วิวทิวทัศน์ทุ่งนาป่าเขา ตลอดจนร้านคาเฟ่ที่มักจะซ่อนตัวอยู่ในธรรมชาติ เป็นเมืองเล็กๆในอ้อมกอดของขุนเขา ที่รอให้เราได้ค้นพบและไปดื่มกับความสวยงามท่วมกลางธรรมชาติเหล่านั้น  และนอกจากจะมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์แล้ว เมืองน่านยังเต็มไปด้วยศิลปะ ประเพณีและที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์มีวัดวาอารามที่สวยงามอีกมากมาย 

อย่างเช่น “วัดภูมินทร์ “ ตั้งอยู่บริเวณบ้านภูมินทร์ ตำบลในเวียง เป็นดั่งหัวใจที่ชาวน่านทั้งรักและหวงแหน เพราะมีความงดงามทั้งในแง่ของสถาปัตยกรรม จิตรกรรมฝาผนัง รวมถึงยังมีเรื่องราวความเป็นมา ความเชื่อ และความศรัทธาที่น่าสนใจ เป็นเสน่ห์ที่น่าหลงใหลอย่างหนึ่งในจังหวัดน่าน จากข้อมูลระบุว่า สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งของวัดภูมินทร์ คือ พระอุโบสถและพระวิหาร ซึ่งเป็นอาคารหลังเดียวกัน โดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรม มีลักษณะเป็นรูปทรงจตุรมุข สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเป็นหลังแรกของประเทศไทย ทั้ง4ด้านมีประตูไม้และสลักลวดลายงดงามอ่อนช้อย โครงสร้างของหลังคาถูกค้ำด้วยเสาไม้สัก 12ต้น ลงรักปิดทองเคลือบเงาเป็รูปดอกไม้และช้างสวยวิจิตรตระการตา 

 โดยเฉพาะภาพที่สะดุดตาและมีชื่อเสียง คือ “ปู่ม่านย่าม่าน” ผลงานของหน่านบัวผัน จิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อ ลักษณะที่เป็นภาพชายหญิงคู่หนึ่งกำลังกระซิบรักสนทนา โดยได้ฉายาภาพว่า “กระซิบรักบันลือโลก” ที่ใครไปที่วัดภูมินทร์ก็จะต้องถ่ายรูปในท่าทางกระซิบรัก กับภาพปู่ม่านย่าม่านมิเช่นนั้นจะถือว่ายังไปไม่ถึงจังหวัดน่าน  

นอกจากนี้บริเวณใกล้ๆกับวัดภูมินทร์ ที่ห้ามพลาดคือพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน บริเวณคุ้มของอดีตเจ้าผู้ครองนครน่าน  ภายในแบ่งส่วนการจัดแสดงเป็น 2ชั้น คือ ชั้นบนแสดงเกี่ยวกับเรื่องโบราณคดีและประวัติท้องถิ่น ซึ่งแบ่งเป็นห้องโถงใหญ่ที่เป็นท้องพระโรงสำหรับเสด็จออกราชการบของเจ้าผู้ครองนคร มีการจัดแสดงข้อมูลทางภูมิรัฐศาสตร์ของจังหวัดน่าน และมีห้องปีกอาคารและเฉลียง จัดแสดงเรื่องราวด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะ และห้องจัดแสดงงาช้างดำ ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าคู่บ้านคู่เมืองน่านมาแต่โบราณ

สำหรับจุดที่เป็นแลนมาร์คสำหรับการถ่ายรูปเชคอินคือ “อุโมงค์ต้นลีลาวดี” อยู่ในพื้นที่ของพิพิธภัณฑ์แห่งชาติน่าน ตรงข้ามวัดพระธาตุช้างคำ และวัดภูมินทร์ สามารถเดินเท้าชิลๆเที่ยวสองวัดนี้ได้ โดย อุโมงค์ลีลาวดี หรือซุ้มลีลาวดีแห่งนี้ มีระยะทางประมาณ 50เมตรเท่านั้น และไม่ว่าจะเป็นช่วงที่มีใบไม่มีใบ หรือมีดอกหรือไม่มีดดอก บรรยากาศก็สวยงามแปลกตาแตกต่างกันไปตามแต่ฤดูกาล ซึ่งช่วงที่รองเท้าแก้วไป เป็นช่วงที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติมาถ่ายรูปกันเยอะมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ดอกลีลาวดีสีลชมพู จะเบ่งบานสะพรั่งฉวดโฉมสีสันสดใสสุดๆ เพิ่มความงดงามให้อุโมงค์ยิ่งกว่าเดิม 

นอกจากนี้ในช่วงยามเย็นๆยังมีถนนคนเดินของเมืองน่านที่เป็นเหมือนแหล่งรวมของดีของเมืองน่านทั้งอาหาร ของที่ระลึก เสื้อผ้าแฟชั่น ไปจนถึงของใช้ต่างๆ เมื่อซื้อของเสร็จแล้วยังมีที่นั่งให้กินของอร่อยๆชื่นชมบรรยากาศและดนตรีสดให้ฟังฟรีอีกด้วย หากใครที่มีโอกาสไปเยือนเมืองน่าน ต้องไม่ลืมไปเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์ที่วัดภูมินทร์ แล้วจะพบว่าคุ้มค่าที่ได้ไปชมด้วยสายตาตัวเอง 

นอกจากเที่ยวในเมืองน่านแล้วรองเท้าแก้วยังได้ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติอีกหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านสะปัน ที่ได้ฉายาว่าสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีมานี้ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาสัมผัสกับธรรมชาติที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและสายน้ำที่ไหลผ่านหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่กลางหุบเขาและรองเท้าแก้วยังได้ไปเที่ยวนาขั้นบันไดบ้านเวร อีกสถานที่แห่งหนึ่งที่ได้สร้างรอยยิ้มและความทรงจำดีดีมากมาย ซึ่งจะได้เรื่องราวประทับใจเหล่านั้นมาเล่าให้ผู้อ่านได้ติดตามกันในตอนถัดไป

“แต่ว่าช่วงนี้ขอให้เราได้ภาวนาขอให้พี่น้องชาวน่านและจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปให้ได้โดยเร็ว ผู้เขียนเชื่อเสมอว่า “หลังฝนซา ฟ้าย่อมใส”เมื่อช่วงเวลาที่เลวร้ายผ่านพ้นไปก็จะต้องได้พบวันที่ท้องฟ้าสดใสแน่นอน และแน่นอนว่าเราจะออกเดินทางไปท่องเที่ยวด้วยกัน”

-รองเท้าแก้ว-