จำได้ว่ายุคที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคอนาคตใหม่ กองเชียร์กับกองแช่งประดาบผ่านสื่อโซเชียลไม่ดุเดือดเท่ากับยุบพรรคก้าวไกล อาจเป็นเพราะพรรคอนาคตใหม่ไม่ใช่พรรคอันดับ 1 แต่พรรคก้าวไกลคนรุ่นใหม่เทเลือกชนะอันดับ 1 ก็เป็นได้
เพราะทันทีที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลและตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค 10 ปี สื่อโซเชียลกระหึ่มขึ้นมาทันที โดยกองเชียร์โพสต์ให้กำลังใจพร้อมเหน็บแนมกลุ่มผู้มีอำนาจที่ทำให้พรรคถูกยุบ ขณะที่กองแช่งพรรคก้าวไกลไม่น้อยหน้ายกสำนวนเชิงเหน็บแนมออกมาสวนแบบฉับพลัน เท่าที่ติดตามดูแต่ละแพลตฟอร์มจะเป็นสำนวนที่แฝงความหมายว่าโง่มาสาดใส่กันแบบไม่ยั้ง อาทิ สำนวนที่ว่า ”บ้านเมืองเราจะฉิบหาย ไม่ใช่ว่าเพราะมีคนเลว แต่ฉิบหายเพราะคนเลวคิดว่าตนเองเป็นคนดี” ทั้งกองเชียร์และกองแช่ง โพสต์ในสื่อโซเชียล อ่านแล้วรู้สึกงงไม่รู้ว่าเหน็บใคร หรือสำนวน ”ตาย10เกิดแสน”ที่สมาชิกก้าวไกลเคยโพสต์ไว้ก่อนถึงวันจะตัดสินยุบพรรค ถูกกองแช่งนำไปแปลง”ตาย10เกิดแสนต้องรอชาติหน้า”
แม้แต่นายยืนยง โอภากุล หรือแอ๊ด คาราบาว โพสต์ให้กำลังใจสมาชิกก้าวไกลเดินหน้าสู้ต่อ ถูกกองแช่งนำไปโพสต์เชิงเหน็บแนมว่า
“ค่ำคืนนี้ยังมีดวงดาวเจิดจ้า กลิ่นกัญชาโชยมาแต่ไกล ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอายุปูนนี้แล้วน้าจะเห็นกงจักรเป็นดอกบัว”
บางแพลตฟอร์มรณรงค์ไม่ซื้อสินค้าที่แอ๊ด คาราบาว เป็นหุ้นส่วนบางแพลตฟอร์มรณรงค์ปลดพ้นศิลปินแห่งชาติ บางแพลตฟอร์มนำสโลแกนที่ก้าวไกลนำมารณรงค์ว่ายักไหล่แล้วไปต่อมาเหน็บว่า”ยักไหล่ ร้องไห้ทุกตัว” โดยนำภาพที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน และ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล หลั่งน้ำตาระหว่างให้สัมภาษณ์นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ทางช่อง 3 มาประกอบ
ขณะที่บางกลุ่มนำคำสัมภาษณ์ของบรรดาเซเลบแต่ละวงการ มาตัดต่อลงติ๊กต๊อก แชร์ตอบโต้ในกลุ่มไลน์อย่างเมามัน ส่งผลให้กลุ่มไลน์ที่เป็นพี่ เพื่อน น้องและญาติแตกคอแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน บางกลุ่มถึงขั้นประกาศตัดขาดความสัมพันธ์กันก็มี
ปรากฏการณ์ที่ยกมาเป็นเพียงเสี้ยวหนึ่ง เพื่อสื่อให้เห็นว่าความคิดเห็นของคนในสังคมแตกแยกอย่างร้าวลึก การตอบโต้ระหว่างกองเชียร์กับกองแช่งยังเดือดอย่าต่อเนื่อง เมื่ออดีตสมาชิกพรรคก้าวไกล ตั้งพรรคใหม่ ชื่อพรรคประชาชน พร้อมประกาศระดมเงินบริจาคให้ได้ 10 ล้านและหาสมาชิกพรรคให้ครบ 1แสน ก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม แต่ผ่านไปเพียงวันเดียวระดมเงินบริจาคได้เกิน 10 ล้าน หาสมาชิกได้กว่า 3หมื่นกองเชียร์นำมาโพสต์ด้วยความปลื้มปริ่ม บางคนโพสต์ว่า” เด็กถูกตาเฒ่าตบหัว แต่ตอนนี้เด็กเอาคืนตบหน้าพวกตาเฒ่าแล้ว”
ขณะเดียวกันกองแช่งไม่น้อยหน้าออกประกาศว่า “ขอประกาศ ณ ที่นี้ว่าคำว่าประชาชน ในพรรคประชาชนนั้น ไม่รวมถึงข้าพเจ้าแต่อย่างใด ทั้งนี้เพื่อป้องกันการถูกนำไปอ้างในการล้มล้างฯหรืออาจเป็นปฏิปักษ์ใดๆในอนาคต(ถ้ามี)” อารมณ์และความรู้สึกเหล่านี้เชื่อว่าจะเกิดไปต่อเนื่อง อาจจะนำพาไปสู่ความแตกแยกที่ร้าวลึกไปเรื่อยๆ ยิ่งถ้าการเดินหน้าทำกิจกรรมของพรรคประชาชน ถูกกลุ่มอำนาจเก่าใช้กลไกรัฐที่อยู่ในมือสกัด ขัดขวาง ไม่ให้ดำเนินการอย่างสะดวก จะเป็นเสมือนลิ่มที่คอยตอกย้ำลงบนรอยร้าวจนอยากที่จะประสานให้สองฝ่ายหันหน้าเข้าหากันได้
นอกจากนี้กลุ่มอำนาจเก่ายังมีหมัดเด็ดอีกหนึ่งหมัดนั่นคือคดี 44 สส.พรรคก้าวไกล ร่วมลงชื่อแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เข้าข่ายผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ลงมติว่ามีมูลอยู่ระหว่างการไต่สวน ทางเลขาธิการ ป.ป.ช.ยืนยันว่าใช้เวลาไม่นาน จะยื่นฟ้องที่ศาลฎีกา ซึ่งคดีนี้ หากผิดจริยธรรมร้ายแรง มีโทษคือให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดชีวิต เพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งไม่เกิน 10 ปี และไม่มีสิทธิ์ดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ
หากตรวจสอบรายชื่อ 44 สส.จะพบว่าส่วนใหญ่มีบทบาททางการเมืองสูง ไม่ว่าจะ นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพฯ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ ส.ส.ฉะเชิงเทรา น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายรังสิมัมต์ โรม และนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน เป็นต้น
จากนี้ไปคงจะต้องจับตากันเป็นพิเศษว่าบทสรุปของคดีนี้จะออกมาในทิศทางใด หากเป็นลบต่อบรรดา สส.ทั้ง 44 คน เท่ากับถูกประหารทางการเมืองแบบเดียวกับที่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่ที่โดนมาแล้ว แต่ถ้าเป็นบวกกับ 44สส. ทาง ป.ป.ช.จะถูกตั้งคำถามมากมายจากกองแช่งพรรคก้าวไกล
เมื่อมองบริบทโดยรวมแล้วไม่ว่าผลคดีจะออมาในทิศทางใดล้วนแต่สร้างความร้าวฉานทั้งสิ้น ดังนั้นคงเป็นการบ้านข้อยากอีกข้อหนึ่งของ ป.ป.ช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างแน่นอน !!!