“ก้าวไกล” ทวงคืนทางด่วน จี้รัฐบาลหยุดขยายสัมปทานเอื้อนายทุน

213

วันที่ 27 กรกฎาคม 2567 พรรคก้าวไกลแถลง Policy Watch หัวข้อ “ทวงคืนทางด่วน หมดสัมปทานต้องคืนรัฐ” นำโดย สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ, ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ สส.กรุงเทพฯ เขต 9 และ ชยพล สท้อนดี สส.กรุงเทพฯ เขต 10 ซึ่งเป็นการติดตามการทำงานของรัฐบาลที่พยายามเอื้อประโยชน์นายทุนผ่านการขยายสัมปทานทางด่วนให้กับเอกชนเจ้าเดิมที่ถือสัมปทานดังกล่าวมายาวนาน รวมถึงมีแผนหาสร้างทางด่วนตอนใหม่โดยให้กับเอกชนรายเดิมแบบไม่ต้องประมูลไม่ต้องแข่งขันโดยรัฐบาลเพื่อไทย

ศุภณัฐ กล่าวถึงกรณีดอนเมืองโทลล์เวย์หรือทางยกระดับอุตราภิมุข ที่จะมีการขึ้นค่าผ่านทางเดือน ธ.ค.นี้ตามเงื่อนไขในสัญญา ว่าทางยกระดับนี้ มี 2 ตอน ได้แก่ ดินแดง-ดอนเมือง และ ดอนเมือง-อนุสรณ์สถาน ทั้ง 2 ตอนสร้างและอนุมัติไม่พร้อมกัน แต่ผู้รับสัมปทานเป็นเจ้าเดียวกัน โดยในปี 2532 รัฐบาลขณะนั้นเปิดประมูลตอนที่หนึ่งเป็นเวลา 25 ปี ตกลงค่าผ่านทางที่ 20 บาทตลอดสาย แต่ต่อมามีการแก้ไขสัญญารวม 3 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2538 ครั้งที่สองในปี 2539 ซึ่งครั้งที่สองรัฐบาลขณะนั้นต้องการสร้างดอนเมืองโทลล์เวย์ตอนที่ 2 แต่ไม่เปิดประมูล กลับแก้ไขโดยขยายสัมปทานตอนที่หนึ่ง จากปี 2557 เพิ่มอีก 7 ปี รวมเป็น 32 ปี และ พ่วงสัมปทานตอนที่สอง ระยะเวลา 25 ปี ตั้งแต่ปี 2539-2564 ทำให้เอกชนรายเดิมได้ทั้งสองสัมปทาน ต่อมาปี 2550 มีการแก้ไขรอบที่ 3 โดยขยายสัมปทานทั้งสองตอนให้กับเอกชนเจ้าเดิมเพิ่มไปอีก 13 ปี กลายเป็นไปหมดที่ปี 2577 ทั้ง 2 ตอน

“นี่คือเทคนิคลับลวงพราง ที่พอจะเอื้อประโยชน์ให้กับทุนใหญ่รายใดก็มักใช้วิธีพ่วงสัมปทานของเดิม เพิ่มเติมด้วยส่วนต่อขยายใหม่ ผสมกันไปมั่วกันไปหมด อันเป็นการทั้งขยายสัมปทานเดิมและประเคนสัมปทานใหม่โดยไม่ต้องมีการแข่งขันใดๆ” สส.กทม.เขต 9 กล่าว

ศุภณัฐกล่าวว่า ปีนี้รัฐบาลเพื่อไทยเตรียมแก้ไขสัญญาครั้งที่ 4 เพื่อขยายสัมปทานให้กับเอกชนเจ้าเก่าอีกรอบ โดย สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม อ้างว่าทางด่วนกำลังจะขึ้นราคา ประชาชนจะเดือดร้อน จึงชงเรื่องว่าจะต้องลดราคาโดยต่อสายเจรจาหาเอกชน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เอกชนจะใจดีไม่ขึ้นค่าทางด่วนให้ฟรีๆ และเอกชนก็รับลูกด้วยการบอกว่าถ้าไม่อยากให้ขึ้นราคาก็ต้องขยายสัมปทานอีกรอบ จึงเข้าทางรัฐมนตรีที่สั่งให้กรมทางหลวงไปศึกษาคำนวณว่าจะขยายสัมปทานอีกกี่ปี

ถึงตอนนี้สัมปทานผ่านมาแล้ว 45 ปี จะจบปี 2577 แต่รัฐบาลกลับจะขยายอีก แบบนี้เรียกว่า “ขยายแล้ว ขยายอยู่ ขยายต่อ” หรือไม่ แทนที่เมื่อหมดอายุสัญญา ทางด่วนจะตกมาเป็นของรัฐ แต่รัฐบาลกลับหาสารพัดข้ออ้างเพื่อขยายสัมปทานให้เป็นของเอกชนรายเดิมต่อไปเรื่อยๆ และที่น่ากลัวกว่าคือรัฐบาลมีแผนที่จะออกสัมปทานตอนที่สาม รังสิต-บางปะอิน ซึ่งอาจถูกนำไปพ่วงเป็นมูลเหตุขยายสัมปทานครั้งใหม่โดยไม่มีการแข่งขัน ก้าวไกลขอคัดค้านการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนด้วยวิธีการแบบนี้ สัมปทานควรหมดแล้วหมดเลยแล้วค่อยเปิดให้มีการแข่งขันใหม่อย่างเป็นธรรม จึงขอเรียกร้องให้หยุดขยายสัมปทานเดิม ประเคนสัมปทานใหม่ ทวงคืนทางด่วนให้ประชาชน

ด้าน ชยพล กล่าวถึงการก่อสร้างทางด่วนศรีรัชชั้นที่ 2 หรือเรียกว่าโครงการ Double Deck ว่า ที่จริงทางด่วนศรีรัชหมดอายุสัมปทานไปแล้ว แต่ช่วงประมาณปี 2563 กลับมีการขยายสัมปทานออกไปอีก 15 ปี 8 เดือน เพื่อแลกกับการที่เอกชนถอนฟ้องคดีต่อรัฐ หรือรู้จักกันในนาม “ค่าแกล้งโง่” และในวันนี้ นายทุนหน้าเดิมเล็งจะขยายสัมปทานเพิ่มอีก 22 ปี 5 เดือน ทำให้สัมปทานทั้งหมดรวมกันจะจบที่ปี 2601 ทาง รมว.คมนาคม อ้างว่าเพื่อลดราคาค่าทางด่วน โดยไม่มีการเอื้อประโยชน์ให้เอกชน แต่ตนข้องใจ เพราะนี่คือการต่อสัมปทานโดยไม่มีการประกวดราคาใหม่ ทั้งที่สามารถรอให้สัมปทานเดิมหมดอายุก่อนก็ได้

ชยพลกล่าวว่า ปกติเอกชนจะต้องวางแผนคำนวณจุดคุ้มทุนหรือจุดที่จะได้กำไรตามอายุสัมปทานที่มีอยู่แล้ว เมื่อหมดอายุสัมปทานทางด่วนก็ควรกลับมาเป็นของรัฐ เพื่อนำมาบริหารจัดการให้อยู่ในรูปแบบที่เป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนได้ เช่น ให้ขึ้นฟรี หรือเก็บเงินเพื่อเอารายได้มาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานใหม่ หรือเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการเอารายได้เข้ารัฐ แต่กลับจะเร่งเซ็นสัญญาให้ได้ภายในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังติดปัญหาการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) และการเวนคืนที่ดิน รวมทั้งมีประชาชนคัดค้านโครงการ เพราะเคยได้รับผลกระทบจากทางด่วนรอบแรก เนื่องจากพื้นที่ใต้ทางด่วนจะตกเป็นของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) แทนที่ประชาชนจะได้ใช้พื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกัน หากรีบเซ็นภายในปีนี้ เชื่อว่าจะติดปัญหาทั้งเรื่องอีไอเอ การเวนคืน และเสียงคัดค้านของประชาชน หากโครงการไม่สามารถเดินหน้าตามกรอบเวล่าที่วางไว้ในสัญญา ก็จะเกิดปัญหาทั้ง ค่าปรับ มูลเหตุการฟ้องร้องคดี หรือการหาเรื่องขยายสัมปทาน เป็นต้น นี่คือการที่รัฐบาลใช้ประชาชนเป็นเพียง “ทางผ่าน” ไปสู่เป้าหมายที่แท้จริงคือการเอื้อประโยชน์ให้นายทุนรายเดิม

สส.กทม.เขต 10 กล่าวว่า ตนเข้าใจความจำเป็นของการสร้างถนนตามการเติบโตของเมือง แต่จำเป็นต้องสร้างตอนนี้ ตรงนี้หรือไม่ หรือสามารถลงทุนด้านอื่น หรือที่อื่นได้ เช่น เพิ่มเส้นทางที่เป็นเส้นเลือดฝอย เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงเส้นทางที่เป็นเหมือนเส้นเลือดหลัก ตนต้องการให้รัฐบาลมองการพัฒนาขนส่งสาธารณะเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการเดินทางได้อย่างเท่าเทียมทั่วถึงกันทั้งเมืองมากกว่านี้

ด้านสุรเชษฐ์กล่าวว่า ทั้งสองเรื่องข้างต้นมีความพยายามคล้ายกันที่จะหา “ข้ออ้าง” เพื่อเก็บเงินจากประชาชนเข้ากระเป๋านายทุนมากขึ้นหรือนานขึ้น “สัมปทานคือสัญญา ควรปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญา เมื่อหมดสัญญาแล้วก็ควรจบเลย กลับมาเป็นของรัฐแล้วคิดโครงสร้างราคาใหม่ที่สมเหตุสมผลมากขึ้น หากจะให้เอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการต่อก็สามารถทำได้ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของการแข่งขันที่โปร่งใสและเป็นธรรม ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน ไม่ใช่ปิดห้องเจรจาลับแล้วหาเหตุขยายสัมปทานให้เจ้าเดิม ทั้งนี้หากรัฐบาลอยากลดราคาจริง โดยไม่แอบพ่วงโครงการ Double Deck ก็ทำได้โดยปรับสัดส่วนการแบ่งรายได้ระหว่างรัฐกับเอกชนโดยไม่ต้องขยายสัมปทานแม้แต่ปีเดียว”

สุรเชษฐ์กล่าวว่า รัฐบาลมีแผนจะนำเรื่องการขยายสัมปทานทางด่วนชั้นที่ 2 เข้าที่ประชุม ครม. กลางเดือน ส.ค.นี้ ทั้งที่สัญญาสัมปทานปัจจุบันยังเหลืออีกถึง 11 ปี จึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมกันจับตา รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ปัญหาทางด่วนก็คล้ายกับปัญหารถไฟฟ้า คือรัฐเอานายทุนผู้รับสัมปทานเป็นตัวตั้ง มองทางด่วนเป็นท่อนๆ ทำให้ประชาชนต้องจ่ายหลายท่อนแล้วรู้สึกแพง ถ้าจะแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างต้องคิดเรื่องโครงสร้าง “ค่าผ่านทางร่วม” ซึ่งพรรคก้าวไกลเคยเสนอไปแล้วตอนยื่น พ.ร.บ.ถนน แต่ก็โดนรัฐบาลปัดตกไปอย่างไร้เหตุผล

พร้อมกันนี้ มีการเปิดทีมทำงานประเด็นระบบทางด่วนและรถไฟฟ้าในพื้นที่ กทม. เพิ่มเติมอีก 4 คน ได้แก่ภัณฑิล น่วมเจิม สส.กรุงเทพฯ เขต 4 ติดตามโครงการก่อสร้างด่านขึ้นลงทางด่วน S1 ท่าเรือกรุงเทพ และการบริหารจัดการพื้นที่สาธารณะของ กทพ., ภูริวรรธก์ ใจสําราญ สส.กรุงเทพฯ เขต 12 ติดตามประเด็นทางด่วนและการบริหารจัดการขนส่งสาธารณะ, ณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ สส.กรุงเทพฯ เขต 21 ติดตามประเด็นระบบขนส่งสาธารณะ การจัดการผังเมือง และตั๋วร่วมรถไฟฟ้า, ธัญธร ธนินวัฒนาธร สส.กรุงเทพฯ เขต 30 ติดตามการจัดทำข้อกำหนดของโครงการ งบประมาณระบบขนส่งสาธารณะ และค่าโดยสารร่วม

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #พรรคก้าวไกล #PolicyWatch #ทวงคืนทางด่วน #สุรเชษฐ์ประวีณวงศ์วุฒิ #ศุภณัฐมีนชัยนันท์ #ชยพลสท้อนดี