เลขาธิการ ป.ป.ส. แถลงผลจับกุมทลายเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ มาจากความร่วมมือของ ปชช.แจ้งเบาะแสยาเสพติด ผ่านสายด่วน ป.ป.ส.1386
วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม 2567 พลตำรวจโท ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. พร้อมด้วย พล.อ.ต.นิวัติ พูนสิน ผู้บังคับทหารอากาศดอนเมือง น.อ.บรรพต นิธิณัฐอาภาศิริ รองผู้บัญชาการหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ (นสร.กร.) และ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. แถลงผลปฏิบัติการทลายเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมาจากความร่วมมือของพี่น้องประชาชน ร่วมแจ้งเบาะแสยาเสพติด ผ่ายสายด่วน ป.ป.ส. 1386 จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 2 คน
พร้อมของกลางยาบ้า 1,900,000 เม็ด เหตุเกิดที่ จ.สุพรรณบุรี ก่อนขยายผลตรวจค้น 4 จุด ในพื้นที่ กทม. 3 จุด และ จ.สุพรรณบุรี 1 จุด ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น รถยนต์ เงินสด ทองคำ รวมมูลค่ากว่า 1.5 ล้านบาท
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส. กล่าวว่า “สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ หน่วยข่าวกรองทางทหาร (ขกท.), ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดกองทัพเรือ บก.ส่วนควบคุมส่วนหน้า ชปพ.ศอ.ปส.ทร. (นสร.กร.), และ ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด กองทัพอากาศ (ศอ.ปส.ทอ.) ทำการสืบสวนติดตามพฤติการณ์ผู้ต้องหาและเครือข่ายลำเลียงยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้มาอย่างยาวนาน จากการสืบสวนทราบว่า เครือข่ายดังกล่าวมีพฤติการณ์ ใช้บ้านเช่าในพื้นที่ภาคกลาง (ได้แก่ พื้นที่ จ.สุพรรณบุรี และ จ.นนทบุรี) เป็นสถานที่เก็บพักยาบ้า ก่อนจะดำเนินการจัดส่งให้กับเครือข่ายในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อลำเลียงต่อไปยังพื้นที่ภาคใต้ คือ พื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ตามคำสั่งของผู้สั่งการรายใหญ่
ในการนี้ พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ จึงได้สั่งการให้ นายปฤณ เมฆานันท์ ผู้อำนวยการสำนักปราบปรามยาเสพติด มอบหมายชุดปฏิบัติการอินทรีย์ 19 ติดตามพฤติการณ์เครือข่ายดังกล่าวอย่างใกล้ชิด กระทั่งวันที่ 15 กรกฎาคม 2567 เวลาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการอินทรีย์ 19 ซึ่งกำลังติดตามรถยนต์ของบุคคลในเครือข่ายดังกล่าว พบพฤติการณ์ต้องสงสัยน่าเชื่อว่าจะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติด จึงติดตามไปเพื่อแสดงตัวขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นผู้ต้องหา 2 คน พบภายในรถยนต์คันดังการมีการถอดเบาะนั่งโดยสารออกเพื่อนำยาบ้ามาซุกซ่อนหลอกตาเจ้าหน้าที่ แล้วจะนำไปวางที่จุดพักตามคำสั่งของผู้สั่งการ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาไปตรวจสอบจุดที่วางยาเสพติด พบยาบ้า จำนวน 1,900,000 เม็ด บรรจุอยู่ในกระสอบ 9 กระสอบ (โดยห่อด้วยถุงพลาสติดสีดำอีก 1 ชั้น) ซึ่งยาบ้าที่พบเตรียมลำเลียงส่งไปยังพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงขยายผลตรวจค้นสถานที่เพิ่มเติม จำนวน 4 จุด (กทม. 3 จุด, จ.สุพรรณบุรี 1 จุด) และได้ตรวจยึดอายัดทรัพย์สิน อาทิเช่น รถยนต์ เงินสด ทองคำ ไว้ รวมมูลค่าประมาณ 1.5 ล้านบาท
พล.ต.ท. ภาณุรัตน์ หลักบุญ กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลได้มีการกำหนดพื้นที่ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ร่วมมือกับหน่วยปฏิบัติงานในพื้นที่ อันได้แก่ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคเหนือ (นบ.ยส.35.) และ หน่วยบัญชาการสกัดกั้นและปราบปรามยาเสพติด สารตั้งต้นและเคมีภัณฑ์ ชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (นบ.ยส.24) สกัดกั้นการลักลอบนำเข้ายาเสพติดในพื้นที่บริเวณชายแดนภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งสามารถสกัดกั้นยาเสพติดได้จำนวนมาก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่เล็ดลอดถูกลำเลียงเข้าพื้นที่ตอนในได้ ทำให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการประทรวงยุติธรรม มีความกังวลและเป็นห่วงประชาชน อยากให้มีการเพิ่มความเข้มข้นในการปราบปรามและจัดการกับกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดที่ทำให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดของยาบ้าในพื้นที่ตอนในของประเทศ เป็นการลดทอนปัญหาการแพร่ระบาดของยาบ้าที่จะกระจายไปสู่ประชาชน จากข้อมูลสถิติการจับกุมพบว่า มียาบ้าจำนวน 1 ล้านเม็ดขึ้นไป จำนวนหลายคดี ถูกลำเลียงไปยังพื้นที่ภาคใต้ ในปี 2566 พบ 4 คดี ยาบ้ารวม 6.6 ล้านเม็ด ในขณะที่ ปี 2567 พบ 13 คดียาบ้ารวม 39 ล้านเม็ด คิดเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นเกือบ 6 เท่า ทั้งนี้ ตนได้เร่งสั่งการเตรียมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกำหนดจุดตรวจ/ จุดสกัด เพิ่มเติม ในการสกัดกั้นยาเสพติดลงสู่พื้นที่ภาคใต้ต่อไป