ชี้การเมืองไทยในอนาคต ภูมิใจไทย แกนหลักเพื่อไทยตัวเสริม    คาด”แม้ว”ถอยห่างส่งต่อ”เน-หนู”(3)

293

   ตอนที่แล้วได้สะท้อนถึงความรู้สึกของประชาชนต่อการบริหารประเทศของรัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน ว่านโยบายทุกด้านที่ผลักดันออกไปไม่สามารถทำให้ประชาชนสัมผัสได้ว่าบรรลุเป้าหมาย


                  ความรู้สึกเหล่านี้ถ้าบรรดา สส.เพื่อไทยรวมถึงสื่อที่ทำหน้าที่นายแบกนางแบกทั้งหลาย ได้ลงไปสัมผัสในพื้นที่จริงแบบปกติทั่วไปไร้การสร้างภาพต้อนรับ จะได้สัมผัสถึงความรู้สึกที่ไม่แตกต่างกับประชาชนทั่วไปอย่างแน่นอน หรือถ้าอยากสัมผัสแบบสถิติหรือตัวเลขลองหาข้อมูลจากไฟแนนซ์ว่าแต่ละเดือนต้องตามยึดรถคืนจำนวนเท่าใด หรือหาข้อมูลจากธนาคารว่าแต่ละเดือนหนี้เสียพุ่งแค่ไหน หรือจะหาข้อมูลจากหน่วยราชการแค่ไปที่ศาลแพ่งจะทราบความจริงคดีแพ่งที่รอไกล่เกลี่ยรอไต่สวนเพิ่มขึ้นแบบไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งความรู้สึกในลักษณะนี้เชื่อว่านายทักษิณ ชินวัตร กุนซือใหญ่แบบไม่เป็นทางการของรัฐบาลและพรรคเพื่อไทย คงสัมผัสได้เช่นกัน เพราะทันทีที่ได้พักโทษก็ลงพื้นที่หลายจังหวัดแบบพญาเหยียบเมือง มีการจัดให้ฉากให้ข้าราชการ รัฐมนตรี รายงานถึงสถานการณ์ต่างๆ

      จึงน่าจะพออนุมานได้ว่าที่นายทักษิณ ลงพื้นที่เองหวังใช้บารมี เพื่อกระตุ้นให้รัฐมนตรี สส.และข้าราชการ เร่งทำงานตามนโยบาย เพราะรัฐบาลบริหารประเทศมาหลายเดือนเกือบทุกนโยบายยังย่ำอยู่กับที่ ที่สำคัญการกลับเข้าประเทศของนายทักษิณ บรรดานักวิชาการ นักวิจารณ์การเมือง ต่างวิเคราะห์กันว่ามาทำหน้าที่ขุนให้กลุ่มอนุรักษ์นิยม ขับเคลื่อนประเทศพลิกฟื้นให้ดีขึ้นในทุกๆด้าน เพื่อครองใจประชาชนเหมือนอดีตที่นายทักษิณ เคยสร้างผลงานไว้ ถ้าผลงานบรรลุเป้าจะได้ใช้เป็นเครื่องมือขับเคี่ยวกับพรรคก้าวไกลในสนามเลือกตั้ง  แนวทางนี้ส่อจะกลายเป็นมุกแป๊ก สินค้ายี่ห้อทักษิณมีทีท่าจะขายไม่ออก

         ในทางการเมืองนายทักษิณ พยายามจะเดินเกมแบบเดิมๆคือดึงบ้านใหญ่เป็นแนวร่วม แต่ไม่ค่อยประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร ตัวอย่างการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)ปทุมธานี ที่ครอบครัวชินวัตรลงแรงไปเยอะ ส่งนายชาญ พวงเพ็ชร มีประวัติถูกกล่าวหาส่อในทางทุจริตถุงยังชีพ คดีอยู่ในชั้นศาลลงชิง กลับชนะคู่อย่าง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ แค่หลักพัน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วด้วยบารมีของนายทักษิณ ต้องชนะแบบ2-3 คะแนนถึงจะสมราคา

     ครั้นมามองในเชิงการเมืองภาพรวม เมื่อพรรคเพื่อไทยมาผนึกกำลังกับพรรคร่วมรัฐบาลเก่าจัดตั้งรัฐบาล มีเสียงสนับสนุนจากสว.ที่เผด็จทหารตั้งแบบล้นหลาม ส่งผลให้บรรดาแนวร่วมที่ชื่นชมและศรัทธาพรรคเพื่อไทยในฐานะที่เป็นแกนนำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ต่างถอยห่างหมดสิ้นซึ่งศรัทธาเป็นจำนวนมาก

    ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าแนวร่วมเหล่านี้เคยเคียงบ่าเคียงไหล่แกนนำพรรคเพื่อไทยร่วมต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยมาอย่างยาวนานตั้งแต่รัฐประหารปี 2549 ถึงรัฐประหารปี 2557 หลายคนต้องนอนคุก หลายคนบ้านแตกสาแหรกขาด แต่พอบทสรุปสุดท้ายถูกพรรคเพื่อไทยถอดทิ้งไปเกาะขาเผด็จการอย่างไม่ใยดี

    ผลพวงเหล่านี้เชื่อว่าแกนนำพรรคเพื่อไทย ที่ยังมีอุดมการณ์ประชาธิปไตยอยู่บ้าง คงดำรงสถานะในพรรคแบบหวานอมขมกลืน เพราะพฤติกรรมที่กระทำต่างถูกเยาะเย้ยและเสียดสีกันทุกกเมื่อเชื่อวัน และคำว่าตะบัดสัตย์หรือเสียสัตย์เคยฆ่าบุคคลสำคัญทางการเมืองให้ตายมานักต่อนักแล้ว

      เมื่อหันมามองถึงผลงานรัฐบาลชาวบ้านไม่มีความรู้สึกได้ว่าบริหารประเทศให้เกิดประโยชน์ในภาพรวมแต่อย่างใด ผลโพลทุกสำนักชี้ไปทิศทางเดียวกันว่าความนิยมของพรรคเพื่อไทย ความนิยมในตัวนายกรัฐมนตรี ตกวูบ ถูกพรรคก้าวไกลและประธานที่ปรึกษาพรรคก้าวไกลแซงไปหลายช่วงตัว ปรากฏการณ์เหล่านี้เชื่อว่านายทักษิณ แกนนำพรรคเพื่อไทยที่ช่ำชองกับเกมการเมืองน่าจะประเมินออก รวมถึงผู้มีอำนาจทั้งหลายในกลุ่มอนุรักษ์นิยมคงจะมองออกเช่นกัน

       ขณะเดียวกันที่มีการมองกันว่านายทักษิณ ถูกกลุ่มอนุรักษ์นิยมดึงมาเป็นตัวขุนหวังปะดาบกับพรรคก้าวไกล มีข่าวสะพัดว่าพวกอนุรักษ์นิยมบางกลุ่มมิได้ไว้วางใจนายทักษิณ มากนักเพราะต่างมีบทเรียนในช่วงที่นายทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะกลุ่มอนุรักษ์นิยมเหล่านี้นายทักษิณ มิได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควร แถมผลประโยชน์ของกลุ่มนี้ถูกลิดรอนอีกต่างหาก รายได้จากดอกเบี้ยที่เคยเป็นกอบเป็นกำถูกลดทอนลงอย่างมาก เพราะนายทักษิณที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจย่อมที่ช่องทางที่จะหากลุ่มทุนใหม่ได้แถมรัฐจ่ายดอกเบี้ยในราคาถูกกว่าอีกต่างหาก

        ดังนั้นความพยายามของนายเศรษฐา ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาคต่างๆที่ต้องใช้เงินทุนสนับสนุน ด้วยการใช้แนวทางขอลดดอกเบี้ย จึงสะดุดทุกครั้งที่มีการร้องขอ

         เมื่อมองบริบทโดยรวมห้วงเวลานี้จะเห็นภาพของนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กำลังโดดเด่นแบบน่าจับตามองเป็นพิเศษ !!!