ก้าวไกล เสนอแก้ กม.วินัยการคลัง บีบกองทัพต้องเอาเงินนอกงบมาฝาก ก.คลัง

129

“วิโรจน์” เสนอแก้ พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ยกเลิกข้อตกลงกองทัพไม่ต้องส่งเงินนอกงบประมาณคืนคลัง บังคับรัฐบาลเปิดข้อมูลภาระชดเชยค่าใช้จ่าย-สถานะหนี้สาธารณะให้ประชาชนทราบทุกปี ดักคอหลังมีข่าวรัฐบาลอาจอุ้มไปศึกษา 60 วัน

วันที่ 10 กรกฎาคม 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งเสนอโดย วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล โดยมีหลักการสำคัญคือการบริหารจัดการเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกองทัพ ให้มีความโปร่งใสมากขึ้น ซึ่งวิโรจน์อภิปรายว่า ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ตั้งแต่ปี 2563 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน คณะกรรมาธิการทุกชุดได้ตั้งข้อสังเกตถึงเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐต่างๆ โดยเฉพาะกองทัพ ซึ่งหากรัฐสภาและรัฐบาลได้รับรู้ข้อมูลและตรวจสอบเงินนอกงบประมาณเหล่านี้อย่างโปร่งใส ก็จะสามารถวางแผนงบประมาณแต่ละปีได้อย่างมีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น

นายวิโรจน์กล่าวว่า หากกองทัพหรือหน่วยงานใดมีขีดความสามารถในการหารายได้ สามารถพึ่งพาแหล่งรายได้ของตัวเองได้แล้ว รัฐบาลก็สามารถจัดสรรงบประมาณแบบย่อมเยาให้หน่วยงานนั้น เพื่อนำงบประมาณไปให้กับหน่วยงานอื่นๆ ที่จำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพิ่มสวัสดิการให้ประชาชน หรือทำโครงการฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจได้ ผลประโยชน์ก็จะเกิดกับประชาชน แต่ปัจจุบันเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐต่างๆ ไม่มีความโปร่งใส ไม่สามารถตรวจสอบได้อย่างถูกต้องตามหลักการบัญชี การวางแผนงบประมาณทั้งหมดจึงขาดประสิทธิภาพ นี่คือเหตุผลสำคัญที่ตนเสนอแก้ไข พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ ซึ่งประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก

มาตรา 28 เดิมระบุไว้โดยสังเขปว่า ในการดำเนินโครงการของรัฐบาล ที่รัฐบาลต้องรับภาระชดเชยค่าใช้จ่าย หรือต้องยอมรับการสูญเสียรายได้ในการดำเนินนโยบายนั้น ให้กระทำได้ในเฉพาะที่อยู่ในหน้าที่และอำนาจของกฎหมาย เพื่อฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการประกอบอาชีพ ยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน หรือช่วยเหลือฟื้นฟูประชาชนที่ประสบผลกระทบจากสาธารณภัยและวินาศกรรม ทั้งนี้ คณะรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาภาระทางการคลังที่อาจจะเกิดขึ้นทั้งในปัจจุบันและในอนาคต โดยภาระที่รัฐต้องรับชดเชยค่าใช้จ่ายในการดำเนินนโยบายต้องมียอดคงค้างไม่เกินกว่าอัตราที่คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังกำหนด

สส.บัญชีรายชื่อก้าวไกลระบุว่า ซึ่งประชาชนที่เป็นผู้ที่ต้องแบกรับภาระ เสียภาษี และเป็นเจ้าของเงินแผ่นดินควรต้องได้รับรู้รายละเอียดด้วย ด้วยเหตุนี้ ร่างแก้ไขฉบับนี้จึงเสนอให้เพิ่มประโยคในวรรคที่ 3 ว่า “ให้รายงานยอดคงค้างดังกล่าวต่อสาธารณะผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวงการคลัง เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและกำกับติดตามการดำเนินการนโยบายของรัฐบาล” เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะสร้างภาระทางการคลังอย่างมหาศาล ประชาชนควรต้องรับทราบถึงภาระทางการคลังที่อาจจะเกิดขึ้นในปัจจุบันและอนาคตด้วย

วิโรจน์กล่าวว่า  สำหรับ มาตรา 61 วรรค 2 เกี่ยวกับเงินนอกงบประมาณของหน่วยงานรัฐ เดิมระบุไว้ว่า ให้มี “เท่าที่จำเป็น” เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่หรือการดำเนินงานตามวัตถุประสงค์ของการมีเงินนอกงบประมาณนั้น โดยให้นำมาฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง เว้นแต่จะมีกฎหมายหรือได้ทำความตกลงกับกระทรวงการคลังไว้เป็นอย่างอื่น เมื่อสำรวจถึงเงินนอกงบประมาณของกองทัพทั้ง 3 เหล่า จะพบว่ามีสูงถึง 1.8 หมื่นล้านบาท หรือประมาณร้อยละ 8 ของงบกระทรวงกลาโหม จึงถูกตั้งข้อสังเกตจาก กมธ.งบประมาณฯ มาโดยตลอด ซึ่งกองทัพได้ทำข้อตกลงกับ ก.คลังไว้ว่าไม่ต้องนำเงินนอกงบประมาณไปฝากไว้ โดยอ้างเหตุผลเรื่อง “ความสะดวก” ซึ่งไม่สมเหตุสมผล เพราะเงินของแผ่นดิน ต้องเอาความโปร่งใสและตรวจสอบได้เป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ความสะดวกส่วนตัว

“สิ่งนี้ทำให้ธุรกิจของกองทัพอยู่ในแดนสนธยา และบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกองทัพไปเรื่อยๆ ยิ่งทำให้ประชาชนตั้งคำถามถึงความโปร่งใส ว่าการที่กองทัพมาทำมาหากินกลายเป็นเรื่องความมั่นคงไปได้อย่างไร หรือเป็นความมั่นคงในกระเป๋าของนายพลคนใดกันแน่ ทำไมต้องลับ หรือที่ลับจริงๆ คือ ‘ลับๆ ล่อๆ’” วิโรจน์กล่าว

ด้วยเหตุนี้ ตนจึงเสนอแก้ไขให้การจัดการเงินนอกงบประมาณโดยที่ไม่ต้องนำมาฝากไว้ที่กระทรวงการคลัง ต้องมีกฎหมายระดับพระราชบัญญัติกำกับเท่านั้น สำหรับข้อตกลงที่เกิดขึ้นก่อนหน้าที่ พ.ร.บ.นี้จะบังคับใช้ ให้สิ้นผลไป และให้นำเงินไปฝากที่กระทรวงการคลัง

นายวิโรจน์กล่าวอภิปรายว่า ในส่วน มาตรา 76 เดิมกำหนดให้ ก.คลังต้องจัดทำรายงานสถานะหนี้สาธารณะ หนี้ภาครัฐ และความเสี่ยงทางการคลังในวันสิ้นปีงบประมาณ เสนอต่อครม. และคณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ โดยเมื่อครม.มีมติรับทราบรายงานแล้วก็ถือเป็นอันสิ้นสุดขั้นตอน ตนเสนอให้ปรับแก้ว่าเมื่อครม.รับทราบแล้ว ต้องเปิดเผยรายงานดังกล่าวต่อสาธารณะผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ของกระทรวงการคลังด้วย

วิโรจน์กล่าวว่า ในเมื่อสภาฯ ได้ติติงเรื่องเงินนอกงบประมาณ โดยเฉพาะของกองทัพเรื่อยมา มีการระบุไว้ในรายงานข้อสังเกตของ กมธ.วิสามัญพิจารณางบประมาณทุกปี ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนจะช่วยกันโหวตรับในวาระที่ 1 ไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่จะปฏิเสธ อย่างไรก็ตาม ได้ยินมาว่ารัฐบาลจะดึงกฎหมายนี้ไปศึกษา 60 วัน จึงขอถามว่าจะศึกษาอะไรอีก เพราะมีรายงานข้อสังเกตของ กมธ.งบฯ ทุกปี ทุกคนก็รู้ปัญหาดี ดังนั้นจึงจะต้องโหวตรับและเร่งแก้ไข พ.ร.บ.ฉบับนี้โดยเร็ว เพื่อให้เงินนอกงบประมาณโดยเฉพาะของกองทัพมีความโปร่งใส และถูกใช้เพื่อประโยชน์ของประชาชนอย่างแท้จริง

#Thaitabloid #ไทยแทบลอยด์ #พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง #วิโรจน์ลักขณาอดิศร #เงินนอกงบประมาณ