ที่สหราชอาณาจักร วันที่ 8 มิ.ย. สโมสรฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของฉายา “เดอะฟ๊อกซ์” ทีมน้องใหม่หน้าเก่าในพรีเมียร์ลีก ประกาศเซ็นสัญญาฉบับใหม่กับ เจมี่ วาร์ดี้ กัปตันทีม เพื่อตอบแทนความภักดีที่อยู่กับทีมมาเกินทศวรรษ ไม่ว่าทีมจะ สัญญาฉบับนี้จะทำให้กองหน้าวัย 37 ปี ลงเล่นในถิ่น “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” จนจบฤดูกาล 2024/25 เจมี่ วาร์ดี้ ทำไป 20 ประตูจากทุกรายการให้กับทัพ “จิ้งจอกสยาม” ในฤดูกาล 2023/24 มีส่วนทำให้ทีมเป็นแชมป์ฟุตบอลแชมเปี้ยนชิพ และได้เลื่อนชั้นขึ้นมาสู่ลีกสูงสุดอัตโนมัติในฤดูกาลที่จะมาถึง เขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลเป็นอันดับที่สามของสโมสร โดยทำไปแล้ว 190 ประตู
วาร์ดี้ ลงสนามให้กับทีมทั้งหมด 464 นัด นับตั้งแต่เซ็นสัญญาจาก ฟลีตวู้ด ทาวน์ ในปี 2012 พาทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก, แชมป์เอฟเอ คัพ, แชมป์ เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ และ แชมป์ฟุตบอล แชมเปี้ยนชิพ สองสมัย
“กับจำนวนประตูที่ผมทำได้ (เมื่อฤดูกาลที่แล้ว) ผมพอใจกับมัน แต่ผมรู้สึกว่า ผมยังทำประตูได้มากกว่านี้ ผมยังดูแลตัวเอง ผมพูดเสมอว่าอายุเป็นเพียงตัวเลข ตอนนี้ขาของผมยังรู้สึกสบายดี ดังนั้นผมจึงขอเดินหน้าต่อไปจนกว่าขาของผมจะบอกว่า ‘พอแล้ว มันจบแล้ว’ มันจะต้องมีสักวันหนึ่ง แต่ยังไม่ใช่ตอนนี้ พวกเราตั้งตารอพรีเมียร์ลีกฤดูกาลใหม่ และดูว่าเราจะทำได้ดีแค่ไหน แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ นี่คือลีกที่ดีที่สุดในโลก นั่นคือสิ่งที่คุณต้องการ” กัปตันทีมจิ้งจอกสยามกล่าว
เจมี่ วาร์ดี้ ทำสถิติลงเล่นให้สโมสรมากที่สุดเป็นอันดับที่สี่ เขามีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการพาทีมกลับคืนสู่ พรีเมียร์ลีกของเลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2023/24 โดยทำไป 18 ประตูในศึก แชมเปี้ยนชิพ อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ อยู่ในทีมชุดคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพในฤดูกาล 2013/14 และเลื่อนชั้นขึ้นมาเล่นในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลต่อมา ก่อนจะเป็นส่วนหนึ่งของการพาทีมสร้างตำนาน Great Escape รอดตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก อย่างปาฏิหารย์
ฤดูกาล 2015/16 “จิ้งจอกสยาม” คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ วาร์ดี้ ยิงไป 24 ประตูในทุกรายการ รวมถึงทำสถิติยิงประตูในเกมพรีเมียร์ลีก 11 นัดติดต่อกัน ในเกมพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ “คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม” ในเดือนพฤศจิกายน 2015 ทำลายสถิติของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ที่ทำไว้ 10 นัดติดต่อกันได้สำเร็จ
ในฤดูกาล 2016/17 วาร์ดี้ ทำประตูในเกมบุกเยือน เซบีย่าในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พา เลสเตอร์ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอลถ้วยรายการใหญ่สุดของยุโรป
ฟอร์มของ เจมี่ วาร์ดี้ ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ในฤดูกาล 2019/20 เขาคว้ารางวัลดาวซัลโว “รองเท้าทองคำ” เป็นดาวยิงสูงสุดของพรีเมียร์ลีกที่มีอายุมากที่สุด โดยทำไป 23 ประตู และทำสถิติยิงประตูในลีกสูงสุดได้ครบ 100 ประตู ในเดือนกรกฎาคม 2020
ในฤดูกาล 2020/21 วาร์ดี้ ยังคงเป็นกำลังสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอล เอฟเอ คัพ ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยทำไป 17 ประตู จากการลงสนาม 42 นัดรวมทุกรายการ ฤดูกาลถัดมา 2021/22 วาร์ดี้ ทำไป 17 ประตูจากการลงเล่น 33 นัดรวมทุกรายการ พาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลการกุศล เอฟเอ คอมมูนิตี้ ชิลด์ และ เข้าถึงรอบรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลถ้วยยุโรป ยูฟ่า ยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ ลีก
เจมี่ วาร์ดี้ ประเดิมสนามให้กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ในเดือน มิถุนายน 2015 ในเกมกระชับมิตรกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ก่อนที่จะติดทีมชาติอีก 25 นัด ทำไป 7 ประตู และติดทีม “สิงโตคำราม” ลุยศึก ยูโร 2016 และฟุตบอลโลก 2018 การเดินทางอันยาวนานของ เจมี่ วาร์ดี้ กับสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ดำเนินมาถึงฤดูกาลที่ 13 แล้ว ทัพ” จิ้งจอกสยาม” กำลังเตรียมตัวเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลใหม่ และจะกลับมาฝึกซ้อมพรีซีซั่น ในเดือนกรกฎาคม นี้