ไม่ทราบว่าผู้อ่านทุกคนฉงนใจฉุกคิดกันบ้างหรือไม่ ทันทีที่เห็นข่าว “นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี” ดอดเจรจากลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา จนมีหลายฝ่ายกังวลว่าสิ่งที่นายทักษิณดำเนินการนั้นจะสร้างความสับสนต่อบทบาทประเทศไทยในการสร้างสันติภาพในเมียนมา หรือไม่ ? เพราะในความเป็นจริงแล้วนายทักษิณไม่มีตำแหน่งใด ๆ ในรัฐบาลหรือในประเทศเลย และรัฐบาลเองก็ไม่ได้มอบหมายให้ไปในฐานะตัวแทนรัฐบาลไทยแต่อย่างใด
สรุปแล้วความสับสนเกิดขึ้นว่า ตกลงไปในฐานะอะไร ? เพราะไม่มีตำแหน่งในรัฐบาล อีกทั้งความกังวลใจคือสิ่งที่ไปพูดคุยนั้นจะมีผลผูกพันกับรัฐบาลไทย จนจะกระทบกับประชาชนคนไทยในภายภาคหน้าหรือไม่
แล้วไหนว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน ผ่านการให้สัมภาษณ์และออกรายการก่อนเลือกตั้ง2566หลายหนมาก ว่าตัวเองอายุมากแล้ว อยากกลับบ้าน(ประเทศไทย)มาเลี้ยงหลาน ซึ่งไม่รู้ว่าคันไม้คันมือหรืออะไร ตั้งแต่ช่วงแรกๆที่ติดคุกทิพย์แล้วกลับจันทร์ส่องหล้า ก็มีภาพว่าให้ฮุนเซนเข้าพบ ให้นายกฯเข้าพบ จนคนก็ไม่อาจไว้วางใจในเจตนาได้ว่า การเลี้ยงหลานเป็นเพียงข้ออ้าง และไม่เคยคิดวางมือทางการเมืองเลยอย่างแท้จริง ?
มีชาวบ้านเขาสงสัย การที่พรรคเพื่อไทยไม่สนใจประชาชน ไม่เห็นหัวคนเดือดร้อน เมิน99ศพคนเสื้อแดง จับมือกับคนที่เคยสั่งสังหาร จูบปากกับคนที่เคยด่า มาผสมพันธุ์ข้ามขั้ว เหมือนตัวอะไรสักอย่าง ใช่หรือไม่? และการที่ลงทุนลงใจเทไปหมดหน้าตักแบบนี้ เอาอนาคตคนทั้งประเทศ เอาเรื่องราวทั้งประเทศมาหมุนรอบคนคนเดียวที่อยากกลับบ้าน โดยใช้ข้ออ้างครอบครัว แต่มัวทำตัวเป็นนายกฯเงา ทำงานหลังมุมมืด แอบๆซ่อน ๆ ปนคัน ๆ เสมือนหิวแสง หิวอำนาจไม่เคยจดจำ ไม่เคยถอดบทเรียนที่ประเทศมาติดหล่มถึงวันนี้ ทหารที่เลวก็ส่วนนึง ฝ่ายตรงข้ามที่จ้องทำลายทักษิณก็ส่วนหนึ่ง แต่อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญปฏิเสธไม่ได้ว่าทักษิณเองก็เป็นหนึ่งในสมการปัญหาทำให้ประเทศติดหล่มเช่นกัน
วันนี้ ครม.ก็มีปัญหา ทั้งที่ “นายใหญ่” กลับมาอยู่ประเทศไทยแล้ว กระทรวงต่างประเทศเกิดระเบิด คนจงรักภักดีถูกเขี่ย สิ่งที่เห็นคือไม่มีความจริงใจ ในการบริหารประเทศ นโยบายที่โม้ไว้ยังไม่สัมฤทธิ์ผลอย่างเป็นที่ประจักษ์ คนพวกนี้กลับสนใจแต่การบริหารอำนาจ แล้วทุกคนถ้าความจำไม่สั้น อดีตนายกฯสมัคร สุนทรเวช เคยโดนหักหลังมาแล้ว หลังเป็นนอมินีที่กดรีโรทสั่งไม่ได้ เลยไม่ได้กลับมาอีก ถ้า “นาย”ไม่เอา ก็ต้องเอาเครือญาติมาเป็นแทน เราเห็นอะไจากเรื่องราวเหล่านี้บ้าง?
สิ่งที่เกิดขึ้นกับการเมืองไทยตลอด2ทศวรรษชี้ชัดว่า “คนแบบทักษิณ” ไม่เคยวางมือ(จริง) มีแต่อยากจะได้กับได้ และไม่ใช่เพื่อประเทศชาติ แต่กลับเป็นไปเพื่ออำนาจตัวเองและตระกูล ราวกับมนุษย์เทวดา โลกมาหมุนรอบ สิ่งที่ปรากฎคือเสียง14ล้านไม่มีความหมาย เพราะ “นาย”ไม่เชื่อฟังเสียงประชาชน แต่เชื่อใน “พลังแห่งการดีล”
พวกลิ่วล้อก็ท่องคาถาซ้ำๆ ไม่มีสาระอะไรใหม่นอกจากเอาใจนาย ฉายแสงให้ตัวเองเด่น เผื่อสักวันมีบารมี เป็นรัฐมนตรีสัก1วัน มีตำแหน่ง มีผลประโยชน์อะไรสักนิดก็ยังดี นี่คือชะตากรรมที่คน70ล้านต้องมาร่วมรับไปด้วย เพราะคนที่ไม่รู้จักคำว่า “พอ” หรือไม่? เป็นสิ่งที่น่าคิดไปต่อ ดีไม่ดีถ้าหน้ามืดวืดเข้าสักวัน สิ่งที่ท่าน ๆ ดีลไว้ จะไม่ได้อะไรเลย แถมศรัทธาจากประชาชนก็ไม่เหลืออีก
วันนี้ กรมราชทัณฑ์ กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรทำหน้าที่ “สะกิด”ทำระเบียบให้เป็นระเบียบ กฎก็คือกฎ ไม่อย่างนั้นคำว่า “สองมาตรฐาน”ที่ท่านเคยใช้จะกลับมาเป็นหนามทิ่มแทงใจท่านเอง!
ส่วนเรื่องในพม่า ณ วันนี้มี สส.ฝ่ายค้านบางท่านเตรียมเรียกหน่วยงาน แจงกมธ.มั่นคงฯ ให้สัมภาษณ์กรณีความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พบปะกลุ่มชาติพันธุ์เมียนมา มาชี้แจงแล้ว ต่อให้ท่านจะมีเจตนา(ที่ดีหรือไม่ก็ตาม) แต่ท่านต้องสำนึกว่า ท่านไปทำไม ไปในฐานะอะไร!!?? แล้วทำไมต้องวุ่นวายทุกสิ่ง อยู่นิ่งๆไม่เป็นหรือ?
สุดท้ายขอถามสั้นๆคำเดียวคำว่า
ไหนว่าจะกลับมาเลี้ยงหลาน!? ไงครับ
