นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตอบโต้ Jakarta Post สื่อหลักของอินโดนีเซีย ระบุ แค่คำพูดสื่อ ไม่ใช่คำพูดรัฐบาลอินโดนีเซีย ว่า ความจริง Jakarta Post ไม่ใช่สื่อต่างประเทศสำนักแรก ที่วิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ อย่างมีนัยสำคัญในลักษณะนี้ นิตยสารไทม์ ก็เคยออกรายงานว่า ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้ไทยถอยหลังเข้าสู่เผด็จการถาวร แทนที่ผู้นำไทยจะฟื้นฟูประชาธิปไตย กลับพยายามกุมอำนาจมากยิ่งขึ้น สะท้อนว่า ที่ท่านบอกว่าท่านไปที่ไหนก็ได้ ทุกคน ทุกประเทศต้อนรับท่านทั้งหมดนั้นจริงหรือไม่
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า การที่สื่อหลักของอินโดนีเซีย รายงานเช่นนี้ไม่ควรมองข้าม หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการเป็นประธานอาเซียนที่ได้รับการยอมรับ ผูกโยงกับความสง่างามของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ท่านก็ต้องพยายามเป็นผู้นำที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น หนทางสู่สิ่งนั้น ต้องเริ่มจากการประกาศจัดการเลือกตั้งให้ชัดเจนในเดือน ก.พ.62 ประเทศไทยก็จะมีผู้นำซึ่งเป็นความสง่างาม ไม่ให้สื่อต่างประเทศมาตั้งคำถามจนหน้าชาหรือไม่” นายอนุสรณ์ กล่าว
“ท่านเคยประกาศจะเลือกตั้ง แล้วก็มาสร้างเงื่อนไขว่าถ้าตีกันก็จะไม่มีการเลือกตั้ง ทั้งที่เมื่อก่อนเห็นท่านคุยมาตลอด 4 ปี ว่าผลงานเด่นคือการรักษาความสงบเรียบร้อย 4 ปีที่ผ่านมาไม่เคยมีการตีกัน ถ้าจู่ๆ จะมีเลือกตั้งแล้วมาตีกัน มันหมายความว่าอย่างไร ความรับผิดชอบของท่านอยู่ตรงไหน” นายอนุสรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ระบุ รปช.รอรับขันหมาก ได้ตั้งรัฐบาลผสมแน่นอน ว่า ตนไม่แน่ใจว่าประชาชนที่ได้ฟังนายสุเทพพูดแล้วรู้สึกอย่างไร มีความน่าเชื่อถือหลงเหลืออยู่แค่ไหนอย่างไร นายสุเทพเคยบอกว่าจะไม่เล่นการเมือง พอกลับมาเล่นก็บอกว่าตระบัดสัตย์เพื่อชาติ ครั้งนี้บอกว่าจะไม่รับตำแหน่งในพรรค ไม่ลงสมัคร ส.ส.แต่เป็นเจ้าของพรรคเองเลยหรือไม่ อุปมาเหมือนกับนายสุเทพบอกว่าจะไม่เดินบนถนนสายการเมือง แต่ครั้งนี้วิ่งบนถนนเลยหรือไม่
นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า การเป็นเจ้าของพรรคเสียเอง เข้าข่ายเล่นการเมืองยิ่งกว่าการลงสมัคร ส.ส.หรือไม่ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ว่าที่หัวหน้าพรรค รปช.ก็ออกมายอมรับแล้วว่า พรรค รปช.เป็นพรรคของ กปปส. นายสุเทพก็ลงทุนส่งทนายความประจำตัวไปเป็นเลขาธิการพรรค แล้วก็ส่งคนใกล้ชิดไปเป็นเหรัญญิกพรรค นายสุเทพย่อมรู้อยู่แล้วหรือไม่ว่าตำแหน่งเลขาธิการพรรค สามารถทำอะไรได้เทียบเท่าหรือมากกว่าตำแหน่งหัวหน้าพรรคหรือไม่
“การบอกว่ารอขันหมากมาสู่ขอไปเป็นรัฐบาล ถือว่าเป็นการไม่เคารพประชาชนหรือไม่ เพราะการจะเป็นรัฐบาลหรือไม่ได้เป็นต้องฟังเสียงประชาชน และเมื่อถึงวันเลือกตั้งเสียงของประชาชนจะเป็นผู้ให้คำตอบเองว่า พรรคใดจะได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคเพื่อไทยไม่มีปัญหาตรงนี้ เพราะพรรคเพื่อไทยยึดโยงกับประชาชน เคารพความคิดเห็นของประชาชนและเชื่อมั่นในการตัดสินใจของประชาชน” นายอนุสรณ์ กล่าว