วันที่ 20 เมษายน 2567 พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผู้ช่วย ผบ.ตร. ) ปล่อยแถวระดมปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ โดยมี พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.ประสงค์ อานมณี ผบก.น.9 และ นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.ปปส.กทม. ปล่อยแถวระดมปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2567
.
ตำรวจนครบาลมีผลการจับความผิดร้ายแรงเกี่ยวกับยาเสพติด ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 – มีนาคม 2567 จำนวน 2,507 คดี สามารถยึดทรัพย์สินเกี่ยวเนื่องกับยาเสพติดเพื่อตรวจสอบ มูลค่ารวม 1,091,511,966 บาท สืบสวนสอบสวนขยายผลเครือข่ายยาเสพติดเป้าหมายจำนวน 65 เครือข่าย
.
ตามนโยบายรัฐบาลโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตระหนักถึงยาเสพติดเป็นภัยคุกคามและเป็นหนึ่งในปัญหาชาติที่สำคัญ ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วนและจริงจัง จึงมอบนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินการระดมกวาดล้างยาเสพติดรายสำคัญ ทั่วประเทศ ในห้วงเดือนเมษายน 2567
.
ทั้งนี้มุ่งเน้นการปราบปรามทำลายศักยภาพ กลุ่มหรือเครือข่ายการค้ายาเสพติดรายสำคัญ โดยการปฏิบัติการสืบสวนขยายผลบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่มีพฤติการณ์ค้ายาเสพติดเป็นข่ายงานการค้ายาเสพติด และนำมาตรการทางด้านตรวจสอบทรัพย์สินเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และมาตรการทางกฎหมายอื่น เช่น พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 หรือประมวลรัษฎากร มาใช้บังคับเพื่อทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติด กองบัญชาการตำรวจนครบาล จึงกำหนดให้มีปฏิบัติการระดมปิดล้อมตรวจค้นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ พร้อมกันทุกหน่วย ในห้วงระหว่างวันที่ 17 – 19 เมษายน 2567 โดยมีเป้าหมายปิดล้อมตรวจค้นจำนวน 101 เป้าหมาย มีผลการปฏิบัติดังนี้
.
จับกุมความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด 90 คดี เป็นการจับกุมความผิดร้ายแรง (ครอบครองฯขึ้นไป) 35 คดี, ตรวจยึดของกลางยาเสพติดยาบ้า 42,039 เม็ด ไอซ์ 332 กรัม , คีตามีน 527 กรัม จับผู้ต้องหาตามหมายจับ 18 หมาย ตรวจยึดทรัพย์สินเกี่ยวเนื่องกับการกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มูลค่ารวม 11,235,119 บาท
ทั้งนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาล และ สำนักงาน ป.ป.ส. ขอประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงการกระทำที่อาจเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด โดยการรับจ้างเปิดบัญชีม้า ซิมการ์ดม้าเพื่อรับโอนเงินจากยาเสพติด หรือใช้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด มาตรา 129 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และอาจเป็นความผิดฐานสนับสนุนหรือช่วยเหลือ และสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตามมาตรา 125 หรือ 127 อัตราโทษ จำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 500,000 บาท
ตำรวจนครบาลขอประชาสัมพันธ์ถึงช่องทางการแจ้งเบาะแสยาเสพติด โดยสามารถแจ้งเบาะแสได้ทาง สายด่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติหมายเลข 191 และ สายด่วนสำนักงาน ป.ป.ส. หมายเลข 1386