การเดินหน้าผลักดันตั้งกาสิโนถูกต้องตามกฎหมายขยับใกล้ความจริงมากขึ้น หลังคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเปิดสถานบันเทิงครบวงจร(Entertainment Complex)เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้ศึกษาแบบรอบด้านแล้ว และเตรียมเสนอสภาผู้แทนราษฎรเห็นชอบก่อนส่งให้คณะรัฐมนตรี(ครม.)พิจารณาช่วงเดือนเมษายนนี้
ซึ่งสภาฯคงไฟเขียว เพราะคณะกรรมาธิการฯมีทั้ง สส.รัฐบาลและสส.ฝ่ายค้าน และ ครม.คงรับลูกดันเต็มที่เพราะอีกขาที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แต่อาจจะมีพวกดัดจริตประเภทมือถือสากปากถือศีล อ้างไทยเป็นเมืองพุทธ แต่แอบแบมือรับเงินจากบ่อนการพนันหรือโต๊ะพนันบอลหรือเว็บพนันออนไลน์ที่เปิดบริการเกือบทุกพื้นที่ในประเทศไทย ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านเพราะเสียประโยชน์ โดยเฉพาะบรรดาพวกมีสีทั้ง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง บางกลุ่ม รวมถึงนักการเมือง ที่ใช้เงินบาปเหล่านี้ล่อเลี้ยงกระเป๋าตัวเองและไว้ค้ำเก้าอี้ เพราะอดีตที่ผ่านมาไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนประกาศนโยบายผลักดันตั้งกาสิโน กลุ่มคนเหล่านี้จะรวมพลังต่อต้านด้วยการนำองค์พระพุทธศาสนาบังหน้า จนหลายรัฐบาลยอมยกธงขาว
ขณะเดียวกันมีกลุ่มที่เห็นด้วยจำนวนมากไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการระดับสูง บิ๊กการเมือง หรือนักธุรกิจ เพราะนอกจากช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจแล้วช่วยไม่ให้เงินไทยไหลไปกองอยู่กาสิโนในประเทศเพื่อนบ้านที่ล้อมไทยอยู่ เพียงแต่กลุ่มคนเหล่านั้นไม่กล้าแสดงความเห็นแบบโจ่งแจ้งเพราะกลัวทัวร์ลง
แต่เมื่อย้อนดูบิ๊กข้าราชการที่กล้าแสดงความเห็นออกสื่อมีอย่างบ้าง อย่าง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง สมัยนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ บอกว่า เห็นด้วยกับที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ เสนอรัฐบาลเปิดกาสิโน พูดมาตั้งนานแล้วว่าควรจะเปิดกาสิโนถูกต้องตามกฎหมาย เพราะถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องยอมรับความจริงว่าถึงอย่างไรเสียประเทศต้องมีบ่อน
“เชื่อเถิดว่าการพนันอยู่ในสายเลือดของคนไทยอยู่แล้ว เพียงแต่จะจัดการบริหารอย่างไรให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คนมันจะเล่นจัดพื้นที่ให้เล่นแบบถูกกฎหมายไปเลย อย่างสวิตเซอร์แลนด์ก็คัดค้านแต่ในที่สุดก็เปิดอยู่ใจกลางประเทศ”พล.ต.อ.สมยศ ระบุ
ห้วงเวลานั้นความเห็นของ พล.ต.อ.สมยศ ถูกพวกโลกสวยสวนกลับว่า ไม่เห็นด้วยอยู่พอประมาณ แต่สิ่งที่ พล.ต.อ.สมยศ อยากเห็นใกล้ความจริงเข้ามาทุกขณะ เพราะผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯได้ลงลึกในรายละเอียดถึงผลได้ผลเสียและวิธีการดำเนินการป้องกันที่หลายฝ่ายห่วงว่าคนไทยจะติดการพนันอย่างงอมแงมไว้อย่างชัดเจน รวมเป็นเครื่องมือช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี โดยการตั้งกาสิโนเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรแห่งความบันเทิงครบวงจร ช่วยตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ต้องการดึงเม็ดเงินการลงทุนและการท่องเที่ยวจากต่างชาติ
สำหรับการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการฯระบุว่า การตั้งกาสิโนทำให้เก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น แรงงานท้องถิ่นนอกระบบจะเข้าเป็นแรงงานในระบบทันที เกิดการเชื่อมโยงเป็นห่วงโซ่เศรษฐกิจ อาทิ การก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ โรงแรมที่พัก ร้านอาการ การคมนาคมขนส่ง ขายส่งขายปลีก การเงิน การธนาคาร และอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม เป็นต้น
ผลการศึกษาระบุอีกว่า ในปี 2566 นักท่องเที่ยวเข้าในไทย ใช้จ่ายอยู่ที่ 42,750 บาทต่อคนต่ออทริป หากมีการเปิดอาณาจักรความบันเทิงแบบครบวงจร คาดว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะใช้จ่ายประมาณ 65,050 บาทต่อคนต่อทริป ข้อมูลนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ศึกษาเปรียบเทียบกับสิงค์โปร์ ที่ก่อนเปิดกาสิโนค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 1,340 บาท เมื่อเปิดกาสิโนถูกกฎหมายค่าใช้จ่ายเพิ่มเป็น 22,300 บาท นี่คือผลการศึกษาเพียงบางส่วนที่ยกมาสะท้อนว่าหากเปิดกาสิโนอยู่ถูกกฎหมายอยู่ในอาณาจักรแห่งความบันเทิงครบวงจร จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมอย่างแน่นอน
ขณะที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะเป็นแหล่งเพราะพันธุ์มาเฟีย ทางคณะกรรมาธิการฯเสนอว่าให้ร่างกฎหมายขึ้นมารองรับ ตั้งคณะกรรมการระดับชาติหรือซุปเปอร์บอร์ดกาสิโน มีนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะคุมเอง กรรมการประกอบด้วยรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง พร้อมตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยปลัดกระทรวงต่างๆที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่จัดเก็บรายได้และรับผิดชอบภารกิจต่างๆ และให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)เฝ้าเกาะติดการฟอกเงินด้วย
ซึ่งรัฐบาลเล็งใช้พื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(EEC)นำร่องโดยมีแนวทางอยากให้ผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ด้านนี้ที่เปิดบริการอยู่ในต่างประเทศเป็นผู้มาลงทุนทั้งหมด หากผลการดำเนินการดีมีโอกาสขยายไปทั่วทุกภาคของประเทศด้วย
นับจากนี้ไปต้องจับตากันพิเศษว่ากาสิโนถูกกฎหมายในเมืองไทย สภาฯและรัฐบาลจะผลักดันช่วงเดือนเมษายนนี้ได้สำเร็จหรือไม่ หรือจะถูกพวกดัดจริตมือถือสากปากคาบคัมภีร์ขวางจนแท้ง คงต้องติดตาม !!!
คลิกฟัง พล.ต.อ.สมยศ ได้กล่าวใว้เพื่อหลายปีก่อน
