เตะเดียวเขย่าทุกวงการไวรัล”ทวงหาด-ฟาดมาเฟีย”แค่ฝันเปียกของชาวบ้านอย่างพวกเรา

14466

        เหตุการณ์ฝรั่งชาวสวิตเซอร์แลนด์ เจ้าของพูลวิลล่าและเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้าง ริมหาดมายู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เตะกลางหลังแพทย์หญิงวัย 26 ปี ขณะนั่งชมพระจันทร์คืนวันมาฆบูชากับเพื่อน เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ บานปลายกลายเป็นไวรัลกระหึ่มโซเซียลเขย่าไปทุกวงกร


       เพราะฝรั่งและภรรยาน่าจะเกิดอาการหลงระเริงว่าเป็นผู้กว้างขวางอวดศักดารู้จักคุ้นเคยกับบิ๊กราชการในพื้นที่ โชว์อาการกร่าง เนื่องจากมั่นใจว่าทำผิดแค่ไหนจะมีคนคอยเคลียร์ให้


    ถ้าเหตุการณ์นี้ไปเกิดกับประชาชนคนธรรมดา คงจะไม่บานปลายเพราะที่ผ่านมาชาวบ้านที่ถูกฝรั่งคนนี้กระทำต่างระอากับพฤติกรรมกร่างเต็มที   อย่างกรณีพิพาทกับคนขับรถพยาบาล ก็โชว์กร่างอย่างเต็มที่ ถึงขั้นแจ้งความดำเนินคดี ดูเหมือนตำรวจจะเข้าข้าง พอเกิดเหตุเตะหมอ ตำรวจกลับลำว่าอยู่ในขั้นเจรจา


    แต่ครั้งนี้เหตุเกิดกับแพทย์หญิงที่เป็นนักสู้เต็มตัว สุดทนกับพฤติกรรมกร่างของฝรั่งกับภรรยาคนไทย จึงแจ้งความดำเนินคดี หลักฐานที่เป็นคลิปถูกแชร์ในโซเซียล กำลังใจทั้งจากชาวภูเก็ตและคนไทยเกือบทั่วประเทศเชียร์ให้แพทย์หญิงเอาเรื่องถึงที่สุด แม้ฝรั่งและภรรยาจะออกมาขอโทษ แต่การกล่าวขอโทษกลายเป็นคำแก้ตัวมากกว่า


     หลังจากนั้นเกิดการเคลื่อนไหวของชาวภูเก็ต กดดันให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการเอาผิดฝรั่งและภรรยาให้ถึงที่สุด พร้อมโชว์พลังนัดทานข้าวกันบริเวณพูลวิลลาที่เกิดเหตุ ชูป้ายทวงคืนชายหาดยามู ซึ่งความเคลื่อนไหวของชาวภูเก็ตไม่ได้จบแค่หาดยามู เพราะมีการประกาศจะทวงทุกหาดที่ถูกนายทุนทั้งไทยและต่างชาติ ยึดเป็นพื้นที่ส่วนตัวคืนทุกหาด
 
ขณะเดียวกันเกิดเป็นไวรัลทวงคืนหาดทุกหาดที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญไม่ว่าจะเป็นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน ชายหาดพัทยา ระยอง จันทบุรี และตราด ด้วยการเรียกร้องให้รัฐบาลสั่งการให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการ
 
นอกจากทวงหาดแล้วยังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งปราบปรามมาเฟียต่างชาติที่ยึดเมืองท่องเที่ยวของไทยเป็นฐานทำธุรกิจทุกประเภท โกยเงินเข้ากระเป๋าแบบผูกขาด


      อย่างที่ภูเก็ต นักธุรกิจคนหนึ่งเล่าให้ฟังว่า ช่วง 2 ปีที่ผ่านมานักท่องเทียวต่างชาติ จำนวนหนึ่งแห่เข้ามาทำธุรกิจโดยเฉพาะด้านอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจเกี่ยวกับการท่องเที่ยว ส่งผลให้ราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว และประกอบธุรกิจเกี่ยวกับรถตู้ มินิบัสนำเที่ยว รวมถึงแหล่งขายบริการทางเพศโดยผู้หญิง


  “ผู้ประกอบการรถตู้คนไทยกระทบอย่างหนัก คนพวกนี้จะใช้รถตู้ส่วนตัวบริการ ไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก ให้บริการจองผ่านแอพพ์ภาษาของชาตินั้นๆเป็นราคาที่ถูกกว่าของรถตู้ทั่วไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์”นักธุรกิจบอกและว่าที่น่าวิตกอีกประเด็นหนึ่งคือนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนที่เข้าไทยมีพวกมาเฟียหรืออาชญากรแฝงเข้ามาจำนวนไม่น้อยและบางส่วนอพยพจากเมืองพัทยา เพราะพัทยามาเฟียต่างชาติแผ่อิทธิพลคุมพื้นที่อยู่ไม่น้อย ซึ่งธุรกิจของพวกนี้จะเอื้อกับพวกเดียวกันเท่านั้น ไม่แตกต่างพวกเดิมๆ นักธุรกิจคนเดิมบอกว่าประเด็นชาวต่างชาติยึดภูเก็ตเป็นฐานทำธุรกิจ มีสื่อต่างชาติหลายสำนักนำไปตีแผ่ ให้ชาวโลกได้รับรู้


    เมื่อมองบริบทโดยรวมไม่ว่าจะเป็นกรณีนายทุนทั้งไทยและเทศ ยึดที่สาธารณะอย่างชายหาดที่งดงาม หรือต่างชาติทุ่มทุนรุกคืบธุรกิจทั้งใต้ดินและบนดินแบบโกยเงินเข้ากระเป๋าอย่างสบายเฉิบได้เพราะนักการเมืองและเจ้าหน้าที่รัฐ บางจำพวกคอยเอื้อประโยชน์เพื่อแลกกับเศษเงินที่ถูกพวกนายทุนทั้งไทยและเทศโยนให้


    อย่างกรณีปรากฏภาพฝรั่งสวิตเซอร์แลนด์เตะแพทย์หญิง ดื่มสังสรรค์ชนแก้วไวน์กับตำรวจภูเก็ต สื่อให้เห็นว่าใกล้ชิดกัน แม้จะอธิบายภายหลังว่าไม่ได้สนิทแต่เพื่อนชวนไป กลายเป็นข้อครหาในวงกว้าง จน พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)สั่งสอบข้อเท็จจริง


    จึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดที่พวกต่างชาติเข้ามาธุรกิจหรือมาอาศัยในแผ่นดินเกิดอาการผยอง หรือกร่าง รวมถึงปรากฏการณ์ชายหาดงดงามเกือบทุกแห่งถูกยึดครองโดยผู้มีอิทธิพล นายทุนใหญ่ทั้งไทยและเทศยึดครองหาประโยชน์แบบสบายเฉิบ ล้วนแต่มีเจ้าหน้าที่รัฐอยู่เบื้องหลังแทบทั้งสิ้น


   ดังนั้นสิ่งชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเรา กำลังรณรงค์ให้รัฐบาลเร่งยึดคืนชายหาดที่ถูกบุกรุกทั่วประเทศรวมถึงให้เร่งปราบมาเฟียในเมืองท่องเที่ยว บอกได้คำเดียวว่าเป็นแค่ฝันเปียกเท่านั้น !!!