วิถีพุทธได้นำมาใช้เป็นหลักของกฎหมายอาญาที่ใช้เป็นสากล เป็นตำราเรียนคล้ายกันหมดทั่วโลก ผิด ถูก ชั่ว ดี มีระบุไว้ชัดเจน ใครจะมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยพละการไม่ได้ มีบทลงโทษต่างกรรมต่างวาระ หนักเบาแล้วแต่การกระทำแต่ละกรรม
นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน นักบวช หมอสอนศาสนาและพระสงฆ์ ของทุกนิกายทุกศาสนา คือตัวปัญหา ที่มาหาเสียง หิวแสง หาเงิน นำทางจิตวิญญานของผู้คน เบี่ยงเบนไปจากคำสอนดั้งเดิม ผิดเพี้ยนไปจากหลักการทำดีละชั่วไปหมด แต่ทำเพื่อตัวผู้แทนศาสนานั้นๆเองหรือกลุ่มพวกตน จนถึงขั้นขัดแย้งทำสงครามกัน ระหว่างต่างศาสนา รบรากัน ทั้งที่อ้างศาสนาเดียวกันแต่ต่างนิกาย เพราะมีเจ้าลัทธิมาตั้งตนเป็นศาสดา แย่งกันเป็นใหญ่
เพื่อต้องการให้มีสาวกมากๆเพื่ออำนาจและผลประโยชน์อื่นๆถ้าตัดนักบวชฯออกไป โลกและสังคมจะสงบสุขมากขึ้น ทุกศาสนามีคัมภีร์มีตำราที่ศาสดาคนแรกวางไว้ และได้ถูกจดจำ บันทึกไว้เป็นหลักฐานกันต่อๆมา หาอ่าน ค้นคว้าความรู้ทางจิตวิญญานได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องให้ปุถุชนคนใดมาตั้งตนเป็นผู้แทนผู้เผยแผ่ แล้วแปลความไปต่างๆนาๆ ยิ่งศาสนาพุทธด้วยแล้ว ต้องแปลจากบาลีเป็นไทย ต้องเข้าใจให้ถูกต้อง แต่กลับมาเกิดเกจิอาจารย์ผุดขึ้นมากมาย
แค่คำว่านิพพาน วิญญาน ภพชาติ ฯลฯ ในภาษาบาลี มาเป็นภาษาไทย ก็แปลไปต่างๆกัน ผิดบ้าง เพี้ยนบ้าง แม้แต่การสังคายนาพระไตรปิฎก ก็เป็นเหล่าพระสงฆ์จากที่ต่างๆมาปรับปรุง ก็ปรับแต่งไปตามกิเลสของกลุ่มนักบวช ปรับเพื่อประโยชน์ของกลุ่มนักบวช…ซึ่งพระพุทธเจ้าก็คงคาดคะเนได้ จึงได้กำหนดว่าจะสิ้นสุดความเป็นศาสนาเมื่อถึง 5,000 ปี ขณะนี้ก็เข้ามาปี 2567 เลยครึ่งทางมานิดหน่อย แต่โลกาภิวัฒน์ เทคโนโลยีมาเร็วและแรง ศาสนาพุทธน่าจะสิ้นสุดก่อนที่ท่านกำหนด คงไม่เกิน 3,000 ปี…เพราะในความเป็นจริง จากกฎศาสนาที่ศาสดาตั้งไว้ ให้นำทางผู้คน มาเป็นกฎสังคม และที่สุดเป็นกฎหมาย ใช้ควบคุมคนหมู่มาก…ศีล 5 ของพุทธะ ได้เป็นหลักของกฎหมายอาญาที่ใช้เป็นสากล เป็นตำราเรียนคล้ายกันหมดทั่วโลก ผิด ถูก ชั่ว ดี มีระบุไว้ชัดเจน ใครจะมาเปลี่ยนแปลงแก้ไขโดยพละการไม่ได้ มีบทลงโทษต่างกรรมต่างวาระ หนักเบาแล้วแต่การกระทำแต่ละกรรม…เท่ากับว่าศาสนาพุทธไม่ได้สูญหายไปใหน ที่ควรสูญสิ้นไปคือนักบวช พระสงฆ์ และมารสังคมที่แอบอ้างเข้ามาหากินจากความศรัทธาของผู้คนด้วยพิธีกรรม ไสยศาสตร์ เวทย์มนต์คาถา อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารทั้งหลายมาหลอกลวงต้มตุ๋นผู้คน ส่วนคำสอนอยู่ในบันทึกรูปแบบต่างๆ รูปปั้นพระพุทธ ทั้งสองอย่างยังคงอยู่ในศาสนสถาน ที่คัดเลือกไว้ ให้มีอยู่ในอำเภอละ 1 แห่ง เป็นสถานที่ราชการมีเจ้าที่ดูแลเหมือนพิพิทธภัณฑ์และในอนาคตอาจต้องทำหน้าที่เรื่องการปลงศพ เป็นรายได้เข้ารัฐ ซึ่งเงินก้อนนี้สามารถบำรุง รพ.และการรักษาพยาบาลของประชาชนได้เป็นอย่างดี…