“ก้าวไกล” เสนอร่างกฎหมายคำนำหน้านามตามความสมัครใจ คืนเจตจำนงในการระบุเพศตามอัตลักษณ์ทางเพศ เข้าวาระ 1 สุดท้ายสภาฯ ปัดตก อ้างต้องรอร่างภาคประชาชน “ธัญวัจน์” ยืนยันก้าวไกลเดินหน้าต่อแน่นอน
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. การรับรองเพศ คำนำหน้านาม และการคุ้มครองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ หรือ “ร่าง พ.ร.บ. คำนำหน้านามตามความสมัครใจ” ของพรรคก้าวไกล เสนอโดยนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ หรือ “ครูธัญ” สส.บัญชีรายชื่อ ก่อนเข้าสู่วาระ อัครนันท์ กัณณ์กิตตินันท์ สส.กาญจนบุรี พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นหารือขอให้ธัญวัจน์ถอนร่างฉบับนี้ออกไปก่อน เพื่อรอให้ร่างกฎหมายของภาคประชาชนและภาคส่วนอื่นๆ เข้ามาพิจารณาร่วมกัน รวมถึงให้มีเวลาทำงานระดมความเห็นและเสียงสะท้อนจากกลุ่มต่างๆ
แต่เมื่อประธานในที่ประชุมถาม “ครูธัญ” ว่าจะถอนร่างหรือยืนยันเสนอร่างต่อไป เจ้าตัวกล่าวยืนยันจะเสนอร่างให้ที่ประชุมพิจารณา โดยได้ตั้งคำถามไปยังรัฐมนตรีว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ว่ามีความคืบหน้าในการทำร่างกฎหมายดังกล่าวอย่างไร เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เพิ่งผลักดันเมื่อตอนที่ตนยื่นกฎหมายเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 แต่ผลักดันมาตั้งแต่ปี 2559 และเรามักมีคำพูดอยู่เสมอว่าสิทธิความหลากหลายทางเพศ ประเทศไทยไปไม่ถึงไหน ดังนั้นวันนี้ถึงจุดที่เราต้องไปถึงไหนเสียที เมื่อ “ครูธัญ” ยืนยันไม่ถอนร่าง ประธานจึงให้แถลงหลักการและเหตุผลของการเสนอร่างกฎหมาย
ธัญวัจน์กล่าวว่า โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้บัญญัติรับรองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง แต่ปัจจุบันยังไม่มีกฎหมายรับรองบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ จึงส่งผลให้เกิดการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะเอกสารของรัฐไทยยังกำหนดให้ใช้คำนำหน้านาม ซึ่งถือตามเพศกำเนิด ได้แก่ เด็กชาย เด็กหญิง นาย นางสาว และนาง ส่งผลให้บุคคลข้ามเพศและผู้มีความหลากหลายทางเพศอื่น ประสบปัญหาในการแสดงตัวตน การตัดสินใจกำหนดวิถีทางเพศของตน และกระทบต่อการดำเนินชีวิต ขณะที่กฎหมายระหว่างประเทศและหลักสิทธิมนุษยชนสากล ได้รับรองเรื่องความหลากหลายทางเพศ ซึ่งยอมรับเรื่องอัตลักษณ์ทางเพศและรสนิยมทางเพศที่มีความหลากหลาย ดังนั้นสมควรมีกฎหมายฉบับนี้ เพื่อให้เกิดการคุ้มครองและรับรองสิทธิ์เรื่องการใช้คำนำหน้านาม การระบุเพศของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ
“วันนี้เวลาที่เราพูดเรื่องเพศในสภาฯ เราจะเข้าใจในเชิงกฎหมายว่าเพศชายเพศหญิงคือเพศทางกายภาพ แต่วันนี้กฎหมายต้องบัญญัติให้พูดถึงอัตลักษณ์ทางเพศ เพศสภาพ เพศวิถี เพราะเพศมีคำอธิบายมากกว่าเรื่องทางกายภาพ” ธัญวัจน์กล่าว
ด้านณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวอภิปรายว่า ตนประหลาดใจ 2 เรื่อง หนึ่งทำไมอยู่ดีๆ การพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ ถูกทำให้เหมือนร่างลอยมาจากฟากฟ้า ไม่มีการศึกษาใด ๆ มาก่อน ทั้งที่ที่ผ่านมามีรายงานมากมายศึกษาเรื่องเหล่านี้ อย่างน้อยที่สุดตั้งแต่ปี 2559 ที่มีงานวิจัยฉบับแรกออกมาโดยมาตาลักษณ์ ออรุ่งโรจน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ความประหลาดใจที่ 2 คือ สส. จากพรรครัฐบาลบอกให้มีการถอนร่าง แสดงความไม่พร้อม แล้วเอาประชาชนมาบังหน้า ท่านต้องกล้าพูดอย่างตรงไปตรงมา หงายการ์ดเหมือนที่ผ่านมาว่าขออุ้มไปก่อน ส่วนที่บอกว่าขณะนี้ร่างของหน่วยงานรัฐบาลยังไม่มี แต่ทำไมตนมีเอกสารจากกระทรวง พม. วันนี้อย่างน้อยที่สุด รมว.พม. ควรมาตอบคำถาม ว่าความไม่พร้อมที่บอกว่าต้องรอ ตกลงเอาอย่างไรกันแน่
“หากเกรงว่าร่างของภาคประชาชนจะไม่ถูกนำเสนอ ท่านก็เอาร่างของภาคประชาชนมาให้เพื่อน สส. เซ็นชื่อ หรือเอาร่างของภาคประชาชนให้ ครม. ดูว่าหลักการแบบนี้รับได้หรือไม่ ส่งมาเลย หรือขยายจำนวนคณะกรรมาธิการเพื่อพิจารณาก็ได้ ถ้าท่านเชื่อว่าในรายละเอียดอาจมีข้อคิดเห็นที่แตกต่างกัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีการแก้ไข แต่ผมเชื่อในใจลึก ๆ ว่าท่านอาจไม่ได้เชื่อแบบเรา” ณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถึงการลงมติ ผลปรากฏว่าเสียงข้างมากของที่ประชุมสภาฯ มีมติไม่รับหลักการ ด้วยคะแนนเห็นด้วย 152+2 ไม่เห็นด้วย 256+1 งดออกเสียง 1 ไม่ลงคะแนนเสียง 1
จากนั้น ธัญวัจน์ และ สส.พรรคก้าวไกล แถลงข่าวหลังทราบมติสภาฯ โดยธัญวัจน์กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถเสนอร่างที่มีหลักการนี้เข้าสภาฯ ได้ภายในสมัยประชุมนี้ แต่ยืนยันจะไม่ถอย พร้อมเสนอในสมัยถัดไป
ด้าน ปารมี ไวจงเจริญ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า เป็นความฝันสูงสุดของตนที่จะเอาคำว่า “นาย” ออกไป แต่วันนี้พรรคร่วมรัฐบาลไม่เข้าใจประเด็นนี้และไม่รับหลักการ ไม่แน่ใจว่าเป็นประเด็นทางการเมืองหรือไม่ ทั้งที่พรรคร่วมรัฐบาลสามารถนำร่างของภาคประชาชนมาเซ็นเข้าสู่สภาฯ ได้ หรือถ้าต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วม ก็สามารถให้ประชาชนเข้ามาเป็นตัวแทนในขั้นกรรมาธิการได้ จึงขอถามถึงความจริงใจของนายกฯ และพรรคร่วมรัฐบาล สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ตนเสียดายเวลาที่กฎหมายนี้ต้องเนิ่นช้าออกไป แต่ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ยืนยันยังมีกำลังใจที่จะขับเคลื่อนต่อไป
ขณะที่ อนุสรณ์ แก้ววิเชียร สส.นนทบุรี เขต 3 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า รู้สึกผิดหวัง โดยเฉพาะต่อ สส. ที่เคยรับหลักการร่างสมรสเท่าเทียม เพราะร่างคำนำหน้านามตามความสมัครใจของพรรคก้าวไกลฉบับนี้ เป็นขั้นต้นยิ่งกว่า คือการยอมรับตัวตนของบุคคลผู้มีความหลากหลายทางเพศ แต่กลับมีผู้แทนราษฎรบางคน แสดงเจตจำนงตั้งแต่แรกให้ก้าวไกลถอนร่าง และสุดท้ายก็โหวตคว่ำตั้งแต่วาระหนึ่ง