วันที่ 3 ก.พ.67 ณ ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้แถลงผลการปฏิบัติตามปฏิบัติการ ไล่ล่า(เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 “No Place for Drug”(NPD.P.4) ของตำรวจภูธรภาค 4 โดยมีพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.
พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.พรชัย มาหลิน รองแม่ทัพภาคที่ 2, นายสนั่น พงษ์อักษร ผวจ.กาฬสินธุ์, พล.ต.ท.สรายุทธ สงวนโภคัย ผบช.ภ. 4, พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน รอง ผบช.ภ.4,พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4 และ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ร่วมแถลงข่าวภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศนโยบายและเปิดปฏิบัติการลดความรุนแรงของปัญหายาเสพติดให้ได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในระยะเวลา 1 ปี ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลโดยการปลุกชุมชนให้เข้มแข็ง เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ปราบปรามและยึดทรัพย์นักค้า
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยตำรวจภูธรภาค 4 จึงได้นำนโยบายการปราบปรามและยึดทรัพย์นักค้ามาขับเคลื่อน เปิดปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 : No place for drug หรือ NPD.P.4โดยยึดหลักการ “ทำลายโครงสร้าง ชำระสะสาง และสร้างพลังชุมชน” ดำเนินการเชิงรุกในการปราบปรามนักค้ายาเสพติดรายย่อยในพื้นที่ พร้อมทั้งทำลายเครือข่ายเพื่อลดระดับความรุนแรงของปัญหายาเสพติด และสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาในการปฏิบัติงานภาครัฐและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการปฏิบัติการมีการบูรณาการร่วมกันทุกภาคส่วน ได้แก่ ฝ่ายปกครอง, กองทัพภาคที่ 2, สาธารณสุข, องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและตำรวจภูธรภาค 4 และสถานีตำรวจ ทั้ง 252 สถานี ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการปฏิบัติการในครั้งนี้ จาก ป.ป.ส. เป็นจำนวนเงิน 2,544,200 บาท
การแก้ปัญหายาเสพติดที่มีการแพร่ระบาดในชุมชน ของตำรวจภูธรภาค 4 คือการทำให้นักค้าไม่มีที่ยืนอยู่ในพื้นที่ โดยการเปิดปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก นักค้าอีสานเหนือ 252 ในครั้งนี้ ได้ให้แต่ละสถานีตำรวจศึกษาสภาพปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติด และกำหนดพื้นที่เข้าไปปฏิบัติการ เข้าไปพบทำความเข้าใจประสานงานผู้นำชุมชน เพื่อหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน ทำการ X-Rays พื้นที่/ทำแผนที่เดินดินในชุมชน ร่วมกันกำหนดเป้าหมายคัดแยกผู้ค้า ผู้เสพ ผู้ใช้ในพื้นที่ เพื่อนำสู่ขั้นตอนการทำลายโครงสร้างและชำระสะสาง โดยปฏิบัติการเชิงรุก ขยายผลจากผู้เสพ ไปสู่การออกหมายจับนักค้ายารายย่อยในพื้นที่ตลอดจนการสืบทรัพย์ให้ชุดปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมผู้ค้ารายย่อยให้หมดไป เพื่อขุดรากถอนโคนนักค้าไม่ให้มีที่ยืนในพื้นที่ No Place for Drug (NPD) ตลอดจนใช้มาตรการ ยึดทรัพย์/อายัดทรัพย์สิน
เพื่อหยุดยั้งมิให้ผู้กระทำผิดรายใหม่เกิดในพื้นที่ หัวใจสำคัญที่เราจะดำเนินการต่อไปคือ การสร้างพลังชุมชนให้ มีส่วนร่วมในการดูแลชุมชนของตนเองให้เกิดความยั่งยืนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไปปฏิบัติการไม่มีที่ยืนให้นักค้ายาเสพติด No Place for Drug (NPD) ของตำรวจภูธรภาค 4 ไล่ล่านักค้า อีสานเหนือ 252 ในครั้งนี้ ได้ดำเนินการมาตั้งแต่เดือน ธันวาคม 2566 โดยทุกพื้นที่ในสังกัด ภ.4 ทั้ง 252 สถานีตำรวจ และ บก.สส.ภ.4 ดำเนินการปูพรม สืบสวนขยายผล จากผู้เสพนำไปสู่ผู้ค้ารายย่อย สามารถสรุปผลการ
ปฏิบัติได้ ดังนี้
- ออกหมายจับนักค้า จำนวน 381 ราย
- ตรวจค้นเป้าหมายบุคคลตามหมายจับค้างเก่า จำนวน 400 หมาย
- จับกุม ยึดทรัพย์และอายัดทรัพย์สิน นักค้ารายย่อยทุกราย จำนวน 309 ราย คิดเป็นร้อยละ 81
- ตรวจค้นจับกุมหมายจับค้างเก่าได้ 43 ราย ของกลางยาบ้า 1,418,412 เม็ด, ยาไอซ์ 0.62 กก.
- ยึดและอายัดทรัพย์สิน 1,318 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวม 17 1,605,208 บาท โดยแยกเป็นทรัพย์สิน
1.เงินสด 5,543,526 บาท
2.สิ่งปลูกสร้างพร้อมที่ดิน 102 แปลง เนื้อที่ 189 ไร่ 36 งาน 789 ตารางวา คิดเป็นมูลค่า 62,576,464 บาท
3.รถยนต์ จำนวน 166 คัน มูลค่า 77,848,800 บาท
4.รถจักรยานยนต์ จำนวน 363 คัน มูลค่า 14,761,020 บาท
และ 5. ทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทอง ปืน วัว ฯลฯ จำนวน 687 รายการ มูลค่า 10,876,198 บาท
ท้ายสุดนี้คือ ปฏิบัติการไล่ล่า (เด็ดปีก) นักค้าอีสานเหนือ 252 “ไม่มีที่ยืน ให้นักค้ายาเสพติด”No place for drug หรือ NPD.P.4 จึงถือเป็นเพียงก้าวแรกของ 252 สถานี ในสังกัดตำรวจภูธรภาค 4 ที่ กวาดล้างยาเสพติด ให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และจะยังคงดำเนิน ปฏิบัติการนี้ต่อไป โดยจะยืดหยัดมุ่งมั่น ปราบปรามนักค้ายาเสพติดให้เด็ดขาดจนหมดสิ้นไป และจะบังคับใช้ กฎหมาย ยึด อายัดทรัพย์สินอย่างเด็ดขาด รวมถึงดำเนินการในทุกๆ มิติ เพื่อทำลายขบวนการค้ายาเสพติดให้ หมดสิ้นไปจากพื้นที่ให้ได้ มิให้ผู้ค้ามีที่ยืนอยู่ในพื้นที่ ตลอดจนลดความรุนแรง เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดใน พื้นที่อีสานเหนือทั้ง 12 จังหวัด ตามหลักการ “ทำลายโครงสร้าง ชำระสะสาง และสร้างพลังชุมชน”
ทั้งนี้เพื่อความผาสุกของพี่น้องประชาชนชาวอีสาน และประเทศชาติสืบไป”เป็นหน่วยบังคับใช้กฎหมาย ทำงานเชิงรุก ทันสมัย ที่ประชาชนเชื่อถือศรัทธา”ด้วยความปรารถนาดีจาก ตำรวจภูธรภาค 4
ด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ กล่าวว่า เคสนี้เป็นโครงการด้านการปราบปรามยาเสพติด ที่ต่อยอดจากการค้นหาผู้เสพยาเสพติดแล้วนำไปขยายผลเพื่อให้ได้ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ค้ายาเสพติดรายย่อย โดย ตร. เลือกตำรวจภูธรภาค 4 เป็น บช.นำร่องมาตั้งแต่ ต้นเดือน ธ.ค.66 ในการปฎิบัติการ เมื่อได้ข้อมูลผู้ค้ารายย่อย ก็จะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน ออกหมายจับและปฏิบัติการตรวจค้น ติดตาม จับกุม จากนั้นจะนำมาตรการการบังคับใช้กฎหมายมาใช้อย่างจริงจังและเด็ดขาด เกี่ยวกับการตรวจสอบ ยึดทรัพย์ กฎหมายฟอกเงินและการเพิ่มโทษ โดยยึดหลักการทำลายโครงสร้าง ตัดวรจร และให้ผู้ค้ารายย่อยไม่มีที่ยืนอยู่ในสังคม ซึ่งได้รับสนับสนุนงบประมาณจาก รมว.ยธ.และ เลขาธิการ ป.ป.ส.