“พิธา” รีเทิร์น สภาวันแรก “ด้อมส้ม” กรี๊ดสนั่น

692

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.)แบบบัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางมายังสภาผู้แทนราษฎร เพื่อกลับเข้าทำหน้าที่ สส. หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยกรณีถือครองหุ้นสื่อไอทีวี ว่าไอทีวีไม่ได้ประกอบกิจการสื่อมวลชน ดังนั้นนายพิธาจึงไม่พ้นสมาชิกภาพ สส. โดยมีกองเชียร์ และเพื่อนสมาชิก สส.พรรคก้าวไกลมารอต้อนรับอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความชื่นมื่น

นายพิธา ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกว่า การกลับเข้าสภาเหมือนเป็นไออุ่นที่คุ้นเคย เป็นเวลานานกว่า 6 เดือนที่ไม่ได้แถลงข่าวกับสื่อมวลชน หลังถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่เดือนก.ค. 66 ยังรู้สึกว่าสภาเป็นสถานที่รวมตัวของประชาชนจึงมีความคิดถึงอยู่ ส่วนเวลาที่เสียไป แม้รู้สึกเสียดายที่หมดสิทธิ์ลุ้นในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ 2 แต่ที่ผ่านมาตนได้ใช้เวลาทำงานกับเพื่อน สส.ในการลงพื้นที่ สิ่งที่เห็นเป็นรูปธรรมคือปัญหาขยะ ซึ่งได้รวบรวมข้อมูลเพื่อนำมาอภิปรายในสภาด้วย ขณะที่วันพรุ่งนี้(26 ธ.ค. 66) จะมีการแถลงแผนงานของพรรคก้าวไกลว่าเป้าหมายพรรคก้าวไกลมีแผนงานอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมได้ และสมาชิกพรรคจะได้มีส่วนร่วมในการวางแผนงานปีหน้าของพรรคก้าวไกลด้วย

นายพิธา ยังกล่าวถึงกรณีข้อครหาที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลที่ผ่านมาว่า ต้องยอมรับด้วยความเสียใจและขอโทษประชาชน ในช่วงที่เกิดสถานการณ์ตนไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่มีนายชัยธวัช ตุลาธน ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรค ตนไม่ต้องการให้เป็นสถาบันที่มีหัวหน้าพรรคสองคน จึงต้องรู้พื้นที่ของตนเอง โดยได้คอยให้คำปรึกษานายชัยธวัชและพูดคุยกันอยู่ตลอดว่าจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างไร หรือเมื่อเกิดขึ้นแล้วควรดำเนินการแก้ไขอย่างไรให้รวดเร็ว ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดและไม่แก้ตัว เชื่อว่าทุกคนจะสัมผัสได้ถึงพัฒนาการความเป็นสถาบันการเมืองของพรรคก้าวไกล

ต่อข้อถามว่ากังวลใจหรือไม่กับข้อเสนอการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำการเข้าข่ายล้มล้างการปกครองซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย 31ม.ค. นี้ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุว่า คงเหมือนคดีหุ้นสื่อไอทีวีที่แยกแยะว่าอะไรที่ควบคุมได้และไม่ได้  ในส่วนที่ควบคุมได้ ได้ทำเต็มที่เลยทำให้มั่นใจ

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคาดหวังการเข้ามาตอบกระทู้ในสภาของนายกรัฐมนตรี นายพิธากล่าวว่า หากจะคาดหวังกับใครต้องเป็นสิ่งที่นำมาใช้กับตนเองด้วย โดยหากเป็นนายกรัฐมนตรี คิดว่าคงต้องเข้าสภาเพื่อมาตอบกระทู้ด้วยตนเอง ถ้าเป็นบรรทัดฐานที่วางไว้ให้ตนเอง น่าจะเป็นบรรทัดฐานที่คาดหวังไว้กับคนอื่นได้เช่นกัน ขณะที่ การเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ขณะนี้มีข้อมูลส่งเข้ามาต่อเนื่องทั้งทางดิจิทัลและการลงพื้นที่ จะเน้นเรื่องความประพฤติมิชอบ คอร์รัปชัน และความล้มเหลวในการใช้งบประมาณ  โดยจะเตรียมข้อมูลไปเรื่อยๆ และดูจังหวะที่เหมาะสมว่าจะเป็นการอภิปรายทั่วไปไม่ไว้วางใจแบบใด มาตรา 151 หรือ 152 พร้อมย้ำว่าการทำงานของพรรคก้าวไกลไม่ได้หวังล้มรัฐบาลเพียงอย่างเดียวแต่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและภาษีของประชาชนเป็นหลัก