ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร เข้ารวบสาวชาวเมียนมาในบ้านพัก พบมีผลิตภัณฑ์ยาอันตราย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผิดกฎหมายกว่า 200 รายการ รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท
วันนี้ (18 ม.ค. 67) ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสมุทรสาคร นำโดย พ.ต.อ.ปกฉัตร ชัยสุกวัฒน์ ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.ท.ปิยะพงษ์ องอาจ รอง ผกก.ตม.จว.สมุทรสาคร, พ.ต.ท.หญิง ทิวาพร รุ่งโรจน์ สว.ตม.จว.สมุทรสาครและหัวหน้าชุดตรวจค้น พร้อมกำลังฝ่ายสืบสวน ตม.จว.สมุทรสาคร นำหมายค้นของศาลจังหวัดสมุทรสาคร เข้าทำการปิดล้อมตรวจค้น บ้านเลขที่ 86/2 ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร พบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีผลิตภัณฑ์ยาอันตราย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง กว่า 200 รายการ รวมมูลค่ากว่า 50,000 บาท
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่สืบสวน ทราบว่าห้องพักดังกล่าว มีการลักลอบนำสินค้าจำพวก ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยาเสริมสมรรถภาพทางเพศและเครื่องสำอาง ซึ่งเป็นสินค้าที่ยังไม่ได้ผ่านพิธีการศุลกากร มาซุกซ่อนเก็บไว้ โดยมี นางมิ (นามสมมุติ) สัญชาติเมียนมา เป็นผู้ทำการโฆษณาเชิญชวนและจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ เช่น Facebook Tiktok
โดยสินค้าส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่มีการบรรยายสรรพคุณไปในลักษณะการเสริมสมรรถภาพทางเพศทั้งของผู้ชายและผู้หญิง ซึ่งเป็นสินค้าที่จะต้องมีการควบคุมดูแล และต้องขออนุญาตก่อนที่จะจำหน่ายได้ ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510 อีกทั้งยังปรากฎพบกลุ่มสินค้า ผลิตภัณฑ์ยาอันตราย ที่มีการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ โดยเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้าอยู่ในความครอบครองอีกด้วย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้มีการแจ้งข้อหาและจับกุม นางมิ ในความผิด ตาม พ.ร.ก.การบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2560 และ พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 พร้อมตรวจยึดของกลาง นำส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร
พ.ต.ท.หญิง ทิวาพร รุ่งโรจน์ หัวหน้าชุดตรวจค้น ได้เปิดเผยว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำของคนต่างด้าวที่มีลักษณะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย และแสดงถึงความไม่รับผิดชอบต่อชีวิตร่างกายของผู้บริโภค อีกทั้งยังเป็นการทำงานในลักษณะแย่งอาชีพคนไทย จึงเป็นที่มาของการสืบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายค้น ก่อนจะจับกุมผู้ต้องหาเพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลต่างด้าวที่คิดจะทำผิดกฎหมายลักษณะเดียวกัน
และสำหรับคนไทยและคนต่างด้าว ที่ให้การสนับสนุนในเรื่องสถานที่พักอาศัยหรือสถานที่จัดเก็บ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยการรู้เห็นหรือไม่รู้เห็น หรือรู้เห็นแล้วเพิกเฉย ก็อาจมีความผิดเข้าข่าย ตาม ม.37 และ ม.38 พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 หรือกฎหมายอื่น ๆ อีกด้วย