ผู้อ่าน ผู้อุปการคุณ และชาวสีกากี ที่ติดตามคอลัมน์เอกซเรย์สีกากี คงฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2567 อย่างชื่นมื่น และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวที่สูญเสียญาติพี่น้อง ระหว่างเดินทางท่องเที่ยวหรือเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนับพันครั้งในแต่ละช่วงเทศกาลที่อยากจะป้องกัน
เมื่อหมดช่วงเฉลิมฉลองจะกลับเข้าสู่โหมดของการใช้ชีวิตที่เป็นจริงอีกคำรบหนึ่ง จึงอยากให้เตรียมใจรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจที่รายได้ชักหน้าไม่ถึงหลัง จะส่งผลให้ปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ตำรวจที่ตั้งใจปฏิบัติหน้าที่เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้กับประชาชนคงต้องรับบทหนักแน่นอน แต่ทั้งนี้ถ้าผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)-ผู้บังคับการ(ผบก.) ใส่ใจที่จะบริหารจัดมากกว่าการสร้างภาพไปวันๆ ตำรวจระดับปฏิบัติการจะรับมือได้อย่างไม่ยากเย็น
ซึ่งโรงพักจะเป็นพระเอกในการทำหน้าที่มาโดยตลอด หากโรงพักไหนมีหัวหน้าสถานีที่ดี ผู้ปฏิบัติจะมีขวัญกำลังใจในการทำงาน แต่ถ้าเจอหัวหน้าสถานีมุ่งแสวงหาประโยชน์มากกว่าการทำงานผู้ปฏิบัติจะหวาดผวาและชาวบ้านเดือดร้อนไปตามๆกัน
หากส่องสถานการณ์การทำงานบนโรงพักในปัจจุบัน ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ไปใช้บริการจะไม่ค่อยประทับใจหนัก ไม่ว่าจะเป็นโรงพักในนครบาลหรือภูธร เคยเขียนยกตัวอย่างมาแล้วสองกรณีที่ สน.บางโพ และ สภ.งาว ลำปาง
ดังนั้นใน 2567 เชื่อว่าสิ่งที่ชาวบ้านอยากเห็นมากที่สุดคือ ระบบการทำงานบนโรงพัก ผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องใส่ใจให้มากกว่าที่เป็นอยู่
โดย ผบ.ตร.เน้นการบริหารแบบมอบอำนาจให้ ผู้บัญชาการ(ผบช.) และ ผบก.ไปบริหารจัดการนั้นจัดว่าถูกหลักบริหารแล้ว ทั้ง ผบช.และผบก.ต้องไปบริหารจัดการให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน แต่อย่าลืมว่าผบช.หรือผบก.ส่วนใหญ่มีปลอกคอ คำสั่ง ผบ.ตร.อาจจะถูกละเลยในบางสถานการณ์
ดังนั้นเมื่อมอบนโยบายไปแล้ว ผบ.ตร.ควรลงไปตรวจการบ้านแบบเข้มข้น เพราะเกือบทุกโรงพักมักจะวางเฉยกับงานในหน้าที่ แต่ใช้เวลาส่วนใหญ่มุ่งหาประโยชน์เข้ากระเป๋าและส่งนายมากกว่า
ถ้า ผบ.ตร.ลงตรวจการบ้าน ใช้อำนาจผ่าน ผบช.และผบก.แบบตรงไปตรงมา โดยให้ผู้กำกับการ(ผกก.)หัวหน้าโรงพัก รองผกก. สารวัตร(สว.) รองสว.และชั้นประทวน ทำงานกันเป็นทีม เอกซเรย์ทุกตารางนิ้วในพื้นที่พบว่าจุดไหนล่อแหลมจะเกิดอาชญากรรม จัดกำลังป้องกัน กลุ่มพ่อค้ายารายใหญ่ รายย่อย แหล่งอบายมุขบ่อนการพนัน พนันออนไลน์ มีหรือไม่ หากมีต้องกำจัดให้สิ้นซาก
ถ้าทุกโรงพักทั่วประเทศสามารถทำงานสอดคล้องประสานกัน เสมือนการต่อจิ๊กซอว์ให้เกิดพื้นที่ปลอดภัยทั่วประเทศ ผลดีจะตกกับชาวบ้าน ช่วยประหยัดงบประมาณของรัฐบาลที่ต้องไปทุ่มกับการปราบปรามยาเสพติดหรือพวกพนันออนไลน์ ที่สำคัญช่วยกู้ภาพลักษณ์ที่แสนอัปลักษณ์ขององค์กรตำรวจกลับคืนมาได้อย่างสง่างาม
แต่ทั้งนี้ ผบ.ตร.-ผบก. ต้องประกาศหรือขึ้นป้ายที่หน้าห้องให้ชัดเจนว่า งดรับส่วยทุกชนิดจากธุรกิจหมิ่นแหม่ต่อกฎหมาย พร้อมประกาศให้หัวหน้าโรงพักทุกแห่ง จัดสรรรายได้ที่พึงได้รับในแต่ละเดือนให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างเป็นธรรม ถ้าทำได้จริงขอฟันธงได้เลยว่าความสงบสุขจะเกิดขึ้นแทบทุกตารางนิ้วของประเทศแน่นอน
แต่หากผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่สามารถที่จะทำตามที่กล่าวมาได้ เพราะเกรงจะสูญเสียผลประโยชน์ เพราะมีเสียงนินทาว่า นายใหญ่สีกากี บางคนส่งสัญญาณถึงลิ่วล้อว่าต้องทำเป้าให้ได้เดือนละ 200 กิโลกรัม
หากเสียงนินทามีจริงชาวบ้านคงจะรับกรรมกันต่อ เพราะระบบส่วยคงแก้ได้ยาก ถ้าผู้บริหารสำนักปทุมวันไม่มีปัญญาแก้ ต้องปล่อยเลยตามเลย แต่เพื่อให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุดต้องสั่งการไม่ให้ลิ่วล้อไปขึ้นค่านักเลง เคยส่งเท่าใดก็ส่งราคาเดิม เช่น ส่วยรถบรรทุกหนักให้คงราคาไว้ก่อน เพราะชาวบ้านที่ใช้บริการรถบรรทุกอยู่ในอาการร่อแร่ เพราะต้องรับภาระที่เจ้าของรถบรรทุกผลักมาให้
หรือส่วยจากสถานบันเทิง หรือส่วยจราจร จากร้านค้าริมถนน หากตำรวจไปขึ้นราคาเสมือนไปซ้ำเติมเจ้าของธุรกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้วเพราะค้าขายไม่ออก เนื่องจากต้องบวกราคาเพิ่ม เท่ากับไปซ้ำเติมผู้บริโภคที่รายได้ชักหน้าไม่ถึงหลังต้องซื้อสินค้าราคาแพงอีกต่างหาก
ที่แนะนำลักษณะนี้เพราะมั่นใจว่าผู้บริหารสำนักปทุมวันคงไม่สามารถแก้ปัญหาส่วยได้ เพราะบิ๊กตำรวจบางคนอยู่ในลักษณะกินอยู่ปากอยากอยู่กับท้อง
ดังนั้นนับแต่วันที่ 1 มกราคม เป็นต้นไป หากผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ ผบ.ตร.-ผบก. ลงมือติวเข้มการทำงานของโรงพักทั่วประเทศ ยึดแนวบำบัดทุกข์บำรุงสุขอย่างแท้จริง ชาวบ้านจะพบแต่ความสุข
ถ้าไม่สามารถทำได้เพราะส่วยค้ำคออยู่ ขอให้ทำแค่ครึ่งประเทศและยังคงเก็บส่วยราคาเดิม ประชาชนพอยิ้มได้ แม้จะยิ้มแห้งๆหรือฝืนๆก็ตาม !!!
