ตลอดเวลากว่า 8 ปี ไม่ได้เห็นภาพข่าวรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงลุยพื้นที่บุกจับบ่อนการพนันและเดินน้าจัดระเบียบสังคมเลย
พออำนาจเปลี่ยนมือจากเผด็จการซ่อนรูปคุมอำนาจ มาสู่ผู้กุมอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งแบบร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ปรากฏภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำกำลังเข้าจับบ่อนการพนันใหญ่กลางเมืองนครราชสีมา ไล่เลี่ยชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองสนธิกำลังตำรวจบุกจับกุมบ่อนการพนันรายใหญ่ใน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี
สื่อมวลชนนำเสนอข่าวว่านายอนุทิน สอบปากคำนักพนันด้วยตัวเอง และนำเสนอว่าทั้งสองบ่อนชาวบ้านร้องเรียนว่าเดือดร้อนรำคาญมานานครั้งแล้วแต่เจ้าหน้าที่นิ่งเฉย
หลังการจับกุมมีข่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รอบผบ.ตร.)สั่งตั้งกรรมการสอบสวนตำรวจทั้ง 2 จังหวัดทันที แต่ไร้ข่าวกระทรวงมหาดไทยตั้งกรรมการสอบสวนฝ่ายปกครองในพื้นที่ 2 จังหวัด
ถัดมา 3 วันปรากฏข่าวนายอนุทิน และคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงมหาดไทย ประชุมร่วมกับตำรวจนำโดยพล.ต.อ.กิตติ์รัฐ มีเป้าหมายเพื่อผลักดันประสานความร่วมมือระหว่างมหาดไทยกับตำรวจเพื่อบูรณาการเกี่ยวกับการควบคุมอาวุธปืน ปราบปรามผู้มีอิทธิพล การจัดระเบียบสังคม การป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมและยาเสพติด
การบูรณาการครั้งนี้จะทำให้การปฏิบัติหน้าที่เกิดพลังที่แข็งแกร่งในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข และความสงบเรียบร้อย ให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงจัดทำบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือและการสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ในทุกๆด้าน
นับเป็นนิมิตรที่ดีที่ตำรวจและฝ่ายปกครอง จะทำงานร่วมกันผลดีจะตกอยู่กับประชาชน แต่ไม่แน่ใจว่าความร่วมมือลักษณะจะเกิดขึ้นเฉพาะบนโต๊ะประชุมหรือไม่ ?
ถ้ามองถึงความเป็นจริงในการปฏิบัติที่ผ่านมา บางท้องที่ตำรวจกับฝ่ายปกครองเสมือนขมิ้นกับปูน เพราะผลประโยชน์ที่ทับซ้อนกัน เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างเป็นผู้บังคับใช้กฎหมายทั้งคู่
แต่ที่อยู่กันได้เพราะไม่ก้าวก่ายกัน หากมีบ่อนการพนันหรือธุรกิจหมิ่นเหม่นต่อกฎหมาย เจ้าของจะเคลียร์ทั้งสองฝ่าย เว้นแต่วันดีคืนดีขัดแย้งกัน ฝ่ายปกครองจะยกกำลังไปจับกุมบ่อนการพนัน ผล 5 เสือโรงพักถูกเด้ง แต่ฝ่ายปกครองกลับอยู่ในตำแหน่งสบายใจเฉิบ
กรณีจับบ่อนที่นครราชสีมาและกาญจนบุรี มีแต่ข่าวตำรวจถูกตั้งกรรมการสอบสวน แต่ไร้ข่าวตั้งกรรมการสอบสวนฝ่ายปกครอง ทั้งที่ชาวบ้านร้องเรียนไปถึงตำรวจและฝ่ายปกครอง
หากท้องที่ใดหัวหน้าฝ่ายปกครองไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ ผู้การจังหวัดฯ หัวหน้าโรงพัก นายอำเภอ เป็นเนื้อเดียวกัน ความสงบสุขน่าจะเกิดกับประชาชน แต่ตรงข้ามพวกธุรกิจผิดกฎหมายกลับเฟื่องฟู เพราะสมประโยชน์กัน
ยิ่งในช่วงที่ผ่านมารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดตามนโยบายของพรรคภูมิใจไทย ปล่อยให้มีกัญชาเสรี ได้ระบาดเข้าไปในกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา เกือบทั่วประเทศ รวมถึงใบกระท่อมถูกกฎหมาย ผู้เสพเป็นวัยรุ่น นักเรียน นักศึกษา นำมาดัดแปลงต้มกินตามสูตรสี่คูณร้อย ติดกันงอมแงม
จากผลพวงการผลักดันนโยบายดังกล่าว สร้างความทุกข์ระทมให้กับผู้ปกครองที่ลูกหลานตกเป็นทาสกัญชาและใบกระท่อม อย่างหนัก
เมื่อรัฐบาลมีนโยบายเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 มุ่งเน้นกระตุ้นเศรษฐกิจ มีการคุยโวว่าสร้างรายได้ให้กับพนักงานบริการ ร้านค้า แต่ผลเสียไม่ได้พูดถึงคือการแพร่ระบาดของยาเสพติด เจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะตำรวจต้องสูญเสียกำลังส่วนหนึ่งมาดูแลความปลอดภัยทั้งในส่วนสถานบันเทิงและนักเที่ยว
ดังนั้นเมื่อนายอนุทิน มีแนวทางที่จะให้ตำรวจและฝ่ายปกครอง ประสานการทำงานแบบบูรณาการ ทั้งสองหน่วยงานต้องรับผิดและรับชอบร่วมกัน
ประการแรกควรให้ในแต่ละท้องที่ร่วมหารือแล้ววางแนวทางการทำงานแบบชัดเจน เป้าหมายแรกควรจัดการปัญหาการแพร่ระบาดของยาเสพติดทุกชนิด เพราะทั้งตำรวจและฝ่ายปกครองต่างรู้ดีว่ามีพ่อค้ายารายย่อยรายใหญ่กี่กลุ่มกี่คน จัดการให้เด็ดขาด จากนั้นนำพวกทาสเข้าบำบัด
ขณะที่ธุรกิจผิดกฎหมายไม่ว่าจะเป็นบ่อนการพนัน การพนันออนไลน์ และสินค้าเถื่อน ต้องจัดการโดยด่วน หากมีหน่วยงานกลางบุกจับบ่อนพนันหรือสินค้าเถื่อน นายอนุทินตั้งสั่งเด้งนายอำเภอและปลัดป้องกันปราบปราม เหมือนกับตำรวจที่ทุกครั้งเมื่อมีการจับบ่อนการพนัน 5 เสือโรงพักโดยเก็บกรุทันที
หากมีการจับกุมสิ่งผิดกฎหมายแบบเกี่ยวพันระดังจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด นายอำเภอ ปลัดป้องกันและหัวหน้าโรงพักในท้องที่ ต้องโดนเด้งทันที พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนโดยด่วน แล้วแถลงผลให้ชาวบ้านทราบ ถ้ามีเอี่ยวต้องโดนลงโทษ
ถ้านายอนุทิน สามารถทำได้ตามที่นำเสนอ รับรองประชาชนอยู่อย่างสงบสุขแน่นอน แต่นายอนุทิน ต้องคุมแบบเข้มงวดและจริงจัง เนื่องจากเกาเหลาระหว่างตำรวจและฝ่ายปกครองมักเกิดขึ้นเสมอ เพราะอยู่กันแบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ ..!!!
