ตำนานความผูกพันของพญานาคกับคนไทยและวัตถุมงคลที่เหมาะไว้ฮีลใจ

1243

ตำนานเรื่องเล่าเคล้าความจริงที่แสดงถึงความผูกพันของพญานาคกับคนไทยและวัตถุมงคลที่เหมาะไว้ฮีลใจคนทั่วไปและปีชง

อ่านสนุกแบบมีทั้งศรัทธาและพาณิชย์ไปกับ คอลัมน์พระบ้าน by ต้นคนชอบพระ

( รูปเมืองบาดาลของนาค )

มีความเชื่อที่สืบทอดกันมาว่าที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย มีเมืองบาดาลอยู่ใต้พื้นดินและเป็นทางออกสู่เมืองมนุษย์ เรียก ว่า เป็นเมืองหน้าด่าน จึงมีบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นเป็นประจำที่นี่ ด้วยว่ามีเรื่องเล่ากล่าวขานในลักษณะคล้ายตำนานแต่ก็มีการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ดังที่จะเล่าต่อไปนี้

อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคายตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ด้านหัวเมืองจะมี ลำห้วยหลวงไหลออกมา เรียกว่า ปากห้วยหลวง ตรงข้ามกับอำเภอโพนพิสัย คือ บ้านโดน ขึ้นกับเมืองปากงึม มีเรื่องเล่าขานเกี่ยวกับเมืองบาดาลที่เชื่อว่าอยู่ใต้อำเภอโพนพิสัย ว่า ในหน้าแล้งจะมีหาดทรายขึ้นกลางแม่น้ำโขง แต่บริเวณหาดทรายนี้จะขึ้น อยู่ฝั่งประเทศลาว บริเวณบ้านโดน วันหนึ่งในหน้าแล้งตอนเที่ยงวัน ได้มีหญิงชาวบ้านโดนคนหนึ่ง ได้ลงมาตักน้ำเพื่อไปดื่ม โดยเอากระแป๋งน้ำลงมาที่หาดทราย เพราะบริเวณนั้นมีน้ำ ออกบ่อหรือเรียกว่าน้ำริน เมื่อลงมาแล้วได้หายตัวไป ชาวบ้านลงมาตามเห็นแต่กระแป๋ง พ่อ แม่ และชาวบ้านต่างก็ช่วยกันตามหาแต่ไม่พบ จนครบ 7 วัน คิดว่าลูกสาวคงจมน้ำตายแล้ว ครอบครัวญาติพี่น้อง จึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ตามประเพณี
แต่จู่ๆเวลาประมาณเที่ยงคืน ลูกสาวคนที่เข้าใจว่าจมน้ำตาย ก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้าน ขณะที่ชาวบ้านกำลังฟังหมอลำกันอยู่ ทำให้ญาติพี่น้องแตกตื่นกันคนละทิศละทางเพราะคิดว่าเจอผีหลอกเข้า เหลือแต่พ่อกับแม่อยู่ถามจนแน่ใจว่าไม่ใช่ผี สุดท้าย หลังจากที่ตั้งสติได้ และญาติพี่น้องที่มั่นใจก็เข้ามาร่วมวงนั่งฟัง หญิงสาวจึงเล่าประสบการณ์หลอนในช่อง เดอะโกสต์ เอ๊ย! ไม่ใช่ๆ ประสบการณ์หลังหายตัวไปให้ทุกคนฟังว่า

“วันนั้นอากาศร้อนมาก น้ำดื่มในโอ่งก็หมด เลยลงไปเพื่อจะตักน้ำ เมื่อวางกระแป๋งน้ำปรากฏว่าเห็น หมู เหมือนกับว่าได้ยกเท้าหน้ากวักเรียกให้เข้าไปหา ตนได้เดินเข้าไปหา แล้วหมูตัวนั้นก็บอกว่าให้หลับตา จะพาลงไปเมืองบาดาล ( น้องก็เชื่อคน เอ๊ย! หมู ง่ายเนาะ ) พอหลับตาได้สักครู่ หมูตัวนั้นก็บอกให้ลืมตา
พอลืมตาปรากฏว่าตนมาอยู่อีกเมืองหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเหมือนกับเมืองมนุษย์ มีบ้านเรือนเรียงรายกันอยู่ แต่จะมีแปลกๆก็ตรงที่ ทุกคนจะนุ่งผ้าแดง และมีผ้าพันศีรษะเป็นสีแดงเหมือนกัน โดยด้านหน้าจะปล่อยให้ผ้าแดงห้อยลงเหมือนกับหัวงู เมื่อเดินตามชายคนนั้นที่จู่ๆก็กลับจากร่างหมู กลายเป็นคน ก็มีชาวบ้านถามว่า นำมนุษย์ลงมาทำไม เพราะกลิ่นมนุษย์ต่างกับชาวเมืองบาดาล ชายคนนั้นก็บอกว่าพามาเที่ยวดูเมือง ( สงสัยน้องหมูจะมีอาชีพทำทัวร์นิ )ได้พาเดินชมทัศนียภาพรอบๆและเมื่อแหงนหน้ามองดูท้องฟ้าปรากฏว่าเป็นสีน้ำตาลอ่อนๆ เหมือนสีขุ่นๆ ของน้ำชายหมูได้บอกกับน้องว่า นี่เป็นเมืองบาดาล และเป็นเมืองหน้าด่านของชาวบาดาล

ส่วนเมืองหลวงนั้นยังอยู่อีกที่ค่อนข้างไกล และชาวเมืองบาดาลจะมีงานสมโภชเมื่อถึงวันออกพรรษาของเมืองมนุษย์ โดยช่วงเข้าพรรษาตลอด 3 เดือนนั้นเหล่าชาวเมืองที่นี่ก็จะจำศีลปฏิบัติธรรมเพื่อเป็นพุทธบูชาคุณของพระพุทธเจ้า หลังจากที่พาทัวร์เดินชมเมืองอยู่ไม่นาน ชายคนนั้นก็ได้พาสาวขึ้นมาส่ง โดยการเดินย้อนมาทางเดิม เดินมาเรื่อยๆ รู้สึกตัวอีกทีก็ขึ้นมายืนอยู่บริเวณหาดทรายเหมือนเดิมแล้ว จากคำบอกเล่าของลูกสาว พ่อ แม่ ญาติพี่น้องจึงได้จัดงานทำบุญทำพิธีสู่ขวัญ เพื่อเป็นการรับขวัญให้กับลูกสาว แต่ต่อมาอีก 7 วัน ลูกสาวก็ได้อาการป่วยและเสียชีวิตในที่สุด โดยว่ากันว่าเหตุการณ์นี้สามรถสอบถามได้จากผู้เฒ่า ผู้แก่ชาวโพนพิสัย คุ้มวัดศรีเกิดได้เกือบทุกคน

( รูปปางนาคปรก )

จะเห็นได้ว่าพญานาคมีความสำคัญและผูกพันกับคนไทยและพุทธศาสนามาช้านานเพราะอย่างนี้เมื่อมีการกำหนดนักกษัตรจัดปีงูใหญ่มาของใครจะใช้มังกรหรืองูใหญ่สายพันธุ์ไหนแต่ของพี่ไทยเราเค้าเลือกพญานาคาจ้าและอีกตำนานนึงที่ตอกย้ำความผูกพันของพญางูใหญ่กับศาสนาประจำชาติไทยก็คือ ตำนานพระนาคปรก

โดยกล่าวเล่าขานกันว่า ระหว่างที่พระพุทธเจ้าเสวยวิมุตติสุข เกิดฝนฟ้าคะนอง พญานาคมุจลินท์จึงได้ขดรอบพระพุทธองค์แล้วแผ่พังพานปกป้องพระเศียร ของพระพุทธเจ้าเพื่อมิให้ทรงต้องเม็ดฝน หลังจากฝนหยุด พญามุจลินท์ได้คลายขดออกแล้วกลายเป็น ชายหนุ่มยืนพนมมือถวายความเคารพอยู่เฉพาะพระพักตร์ ซึ่งตำนานนี้ปรากฏอยู่ใน มุจจลินทสูตร อันนำมาซึ่งการกำเนิดพุทธรูปพระปางนาคปรก นั่นเอง โดยพุทธคุณของพระปางนาคปรกนี้กล่าวว่ามีคุณเอนกอนัต์เพียงแต่โดดเด่นในด้านคุ้มครองป้องภัย ให้ความร่มเย็นเฉกเช่นพญานาคดูแลพระพุทธองค์มิให้ต้องลมฝนฉะนั้น เหล่าบรรดาเกจิคณาจารย์หลายท่านจึงนำเอารูปลักษณ์มาสร้างเป็นวัตถุมงคลประจุพุทธคุณทั้งแบบบูชาบนหิ้งหรือแขวนขึ้นคอพกพาสะดวก และคอลัมน์ตอนนี้ก็มีพระดีที่ควรค่าแก่การมีไว้บูชาและระลึกถึงคุณพระรัตนตรัยแถมยังมีอนาคตไกลในเรื่องค่านิยม

( รูปพระนาคปรกวาสุกรี 200 ปี )

“พระนาคปรกวาสุกรี ” 200 ปี กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ปี 2533 วัดโพธิ์ท่าเตียนกรุงเทพฯ พระนาคปรกวาสุกรี กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส วัดพระเชตุพนฯ สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสUNESCOได้ประกาศสดุดี ยกย่อง สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส สมเด็จ พระสังฆราชเจ้าองค์ที่ ๗ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นบุคคลสำคัญของโลก และฉลองพระประสูติกาลครบ ๒๐๐ ปี ในวันที่ 11 ธันวาคม 2533 ซึ่งสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส เป็นผู้มีอัจฉริยะภาพในหลายด้านโดยเฉพาะเชิงกวี และมีพระราชประวัติที่น่าสนใจ ส่วนจะน่าสนใจยังไง จะเก็บกล่าวถึงในชั้นต่อไป ตอนนี้มาโฟกัสกันที่พระนาคปรกวาสุกรี 200 ปีก่อนนิ ซึ่งพระนาคปรกวาสุกรีนี้ ทางวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์ ท่าเตียน) ได้ประกอบพิธีกดพิมพ์พระผงวาสุกรี เป็นปฐมฤกษ์ในวันเสาร์ที่ 17 พฤศจิกายน 2533 เวลา 21.29 น. ณ ตำหนักวาสุกรี และประกอบพิธีพุทธาภิเษก และชัยมังคลาภิเษก ณ พระอุโบสถวัดเชตุพนวิมลมังคลาราม ในวันที่ 29พฤศจิกายน 2533 โดย ท่านสมเด็จญาณสังวรพระสังฆราช ทรงเป็นองค์ประธานพร้อมด้วยเกจิคณาจารย์ผู้มีพลังแห่งจิตที่เข้มขลัง 64 รูป อาทิเช่น

หลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่ หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม หลวงพ่อหลิว วัดไร่แตงทอง หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ หลวงพ่อเกตุ วัดเกาะหลัก หลวงพ่อเต้า วัดเกาะวังไทร หลวงพ่อแช่ม วัดดอนยายหอม หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง หลวงพ่อเริ่ม วัดจุกกะเฌอ หลวงปู่คำพัน วัดธาตุมหาชัย หลวงพ่อยิด วัดหนองจอก หลวงปู่คร่ำ วัดวังหว้า

( รูปพิธีปลุกเสกพระนาคปรกว่าสุกรี )

อีกทั้งยังได้ พระธรรมราชานุวัตร หรือ หลวงเตี่ย ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) และเจ้าคณะภาค 3 ในขณะนั้น ผู้บุกเบิกวัด ไทยในต่างประเทศให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง อย่างวัดไทยในลอสแองเจลิส ได้นิมนต์ หลวงพ่อฤาษีลิง ดำ วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี ไปเมตตาอธิฐานจิตพุทธาภิเษกเดี่ยว ในวันที่ 12 สิงหาคม 2534 ณ วัดโพธิ์ ท่าเตียน อีกด้วย

พระนาคปรกวาสุกรี200ปี มีหลายเนื้อทั้งทองคำ เงินและเนื้อผง แต่ทุกเนื้อมีมวลสารอันศักดิ์สิทธิ์และผ่านการประจุพลังแห่งจิตและพุทธคุณอันเข้มขลัง แถมเป็นพระปางประทานพรนั่งบนบัลลังค์พญานาค7เศียร เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการนำมาไว้บูชาหรือเช่าหาฝากผู้หลักผู้ใหญ่ ยิ่งคนที่ปีมะโรง67 ชะตามีเกณฑ์ชง ไม่ว่าจะชงหวาน ชงขม ก็ควรนิยมติดตัวไว้ปกป้องคุ้มครองยามเราเผลอเรอไร้สติ

คราวหน้ามาว่ากันเรื่องสรรพมงคลรับปีใหม่ ทำอย่างไรให้ตัวเรามีความเป็นมงคล

ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก สื่อโซเซี่ยล ครับ

ปล. หากมีวัด ศาสนถาน โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯใดที่ต้องการประชาสัมพันธ์การขายวัตถุมงคลหรือบริจาคเพื่อการกุศลอย่างแท้จริง ทางคอลัม์พระบ้าน ยินดีประชาสัมพันธ์ให้ฟรีครับ สนใจลงโฆษณาประชาสัมพันธ์ ติดต่อ 0818214442 ต้น