‘รมช.อนุชา’ เล็งจับมือเอกชน พัฒนาวิจัยสายพันธุ์ข้าวไทย ลงแข่งตลาดโลก มุ่งผลิตเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี เพิ่มผลผลิตสูง ตอบโจทย์ความต้องการตลาด
นายอนุชา นาคาศัย รมช.เกษตรฯ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานของสถานีวิจัยพันธุ์ข้าว บริษัท รวมใจพัฒนาความรู้ จํากัด นำโดย นายโกมล จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานกรรมการบริหาร นายวุฒิชัย แตงทอง หัวหน้าสถานีวิจัย ให้การต้อนรับและนำเสนอการดำเนินงานของสถานีวิจัย โดยมีนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว พร้อมคณะผู้บริหารกรมการข้าว เข้าร่วม ณ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ว่า กระทรวงเกษตรฯมีนโยบายมุ่งเน้นผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ดีมีคุณภาพ ให้เพียงพอต่อความต้องการของชาวนา เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของผลผลิตให้มีคุณภาพมากขึ้นและมีศักยภาพการผลิตที่สูงขึ้น รองรับความต้องการของตลาดโลก สามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ อีกทั้ง ส่งเสริมให้พัฒนาพันธุ์ข้าวที่หลากหลาย เพื่อได้มีพันธุ์ข้าวให้เลือกเพาะปลูก ตอบโจทย์ในแต่ละพื้นที่ เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี ดังนั้น จึงจำเป็นต้องผนึกความร่วมมือกับภาคเอกชน ในการเดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนาวิจัยสายพันธุ์และปรับปรุงพันธุ์ข้าวไทยให้มีคุณภาพ เพิ่มผลผลิตให้สูงขึ้น และทนทานต่อโรค ซึ่งกรมการข้าวได้เร่งผลิตเมล็ดพันธุ์เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของพี่น้องเกษตรกร และในเดือน เม.ย.67 เตรียมประกาศรับรองพันธุ์เพิ่มอีก 8 สายพันธุ์ ซึ่งมีผลผลิตเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1,300 กิโลกรัมต่อไร่ขึ้นไป
“ข้าวนับว่าเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของประเทศไทย กระทรวงเกษตรฯ จึงเดินหน้าขับเคลื่อนพัฒนาข้าวไทยให้มีความก้าวหน้า นำไปส่งเสริมแก่เกษตรกรเพาะปลูกเพื่อสร้างรายได้ โดยใช้หลักการ “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” เน้นการพัฒนาตลาดทั้งในและต่างประเทศ การแปรรูป และการนำนวัตกรรมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ อีกทั้ง ต้องผลิตพันธุ์ข้าวที่มีความหลากหลายสนองความต้องการของตลาดโลก เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของข้าวไทยให้มากขึ้นอีกด้วย จึงได้มอบหมายให้กรมการข้าว หารือร่วมกับภาคเอกชน บริษัท รวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด ในการวิจัยพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์ข้าว โดยใช้สถานีทดลองข้าวที่มีอยู่ทั่วประเทศ ร่วมกันคิดใช้องค์ความรู้ที่มีนำมาศึกษาทดลองเพื่อพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดประโยชน์กับประเทศและชาวนาไทย และลูกหลานเกษตรกรไทยต่อไป” รมช.อนุชา กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท รวมใจพัฒนาความรู้ จำกัด มีแนวคิด “ระดมความรู้ แก้ปัญหาชาวนา” จึงดำเนินโครงการปรับปรุงพันธุ์ข้าวที่มีผลผลิตสูงต่อไร่ ร่วมกับการใช้เทคโนโลยีพัฒนาและปรับปรุงพันธุ์ เพื่อแก้ปัญหาผลผลิตข้าวเฉลี่ยต่อไร่ต่ำ โดยมีนักวิจัยที่มีประสบการณ์และความชำนาญด้านการปรับปรุงพันธุ์ข้าว ห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงอับละอองเกสรข้าว ห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพและกายภาพข้าว โรงเรือนทดลอง แปลงนาทดลอง และโรงงานแปรสภาพเมล็ดพันธุ์ บนเนื้อที่มากกว่า 100 ไร่
ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ดำเนินการขึ้นทะเบียนรับรองพันธุ์ข้าว ตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กับกรมวิชาการเกษตร 4 พันธุ์ ได้แก่ ข้าวพันธุ์อาร์เจ11 (RJ11) ข้าวเจ้าพื้นแข็ง ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,030 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวพันธุ์อาร์เจ22 (R22) ข้าวเจ้าพื้นนุ่ม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,160 กิโลกรัมต่อไร่ ข้าวพันธุ์อาร์เจ44 (RJ44) ข้าวเจ้าพื้นนุ่ม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,200 กิโลกรัมต่อไร่ และข้าวพันธุ์อาร์เจ66 (RJ66) ข้าวเจ้าพื้นนุ่ม ให้ผลผลิตเฉลี่ย 860 กิโลกรัมต่อไร่ และในปี 67 จะขอขึ้นทะเบียนรับรองพันธุ์ข้าวอีก 1 พันธุ์ ได้แก่ ข้าวพันธุ์อาร์เจ33 (RJ33) ข้าวเจ้าขาวพื้นแข็ง ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่เพื่อการพาณิชย์ ครั้งที่ 2 มีศักยภาพในการให้ผลผลิตสูงสุดถึง 1,310 กิโลกรัมต่อไร่ นอกจากนี้ ยังมีระบบการผลิตเมล็ดพันธุ์ตามมาตรฐาน และการแปรสภาพเมล็ดพันธุ์ เพื่อรองรับและส่งเสริมการปลูกข้าวในเขตพื้นที่นาชลประทานภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และพื้นที่ใกล้เคียง
