พลันที่คำสั่งเปิดปฏิบัติการ(Kick off)ตามนโยบายจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ของกระทรวงมหาดไทย มีผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน
เพียงชั่วข้ามคืนชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครอง ออกปฏิบัติการทันที บุกจับผับดังไม่มีใบอนุญาต ในคืน ฮาโลวีน พบนักเที่ยวอายุต่ำกว่า 20 ปี จำนวน 242 ในท้องที่ สภ.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ คล้อยหลังแค่ไม่กี่ชั่วโมง ช่วงเวลาตีสาม วันที่ 3 พฤศจิกายน ตำรวจ สภ.ช้างเผือก กว่า 30 นาย บุกตรวจร้านเหล้าดังเส้นใหญ่ พบลูกค้า 40-50 คน มานั่งดื่ม และพบเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษ กรมการปกครองที่จับผับเถื่อนนั่งดื่มกินอยู่ในร้านด้วย
จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กระหึ่มว่าเป็นปฏิบัติการเอาคืน จนผู้บังคับบัญชาการทั้งสองฝ่ายต้องออกมาเคลียร์เพื่อยุติศึกเกาเหลา
หากมองตามข้อเท็จจริงอำนาจหน้าที่ในการอนุญาตเปิดปิดสถานบันเทิง เป็นหน้าที่ของฝ่ายปกครอง ผับเถื่อนแห่งนี้ ตำรวจ สภ.ช้างเผือก เคยทำหนังสือถึงนายอำเภอเมืองเชียงใหม่ ให้ปิดตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2563 แต่ไม่ได้รับการตอบสนอง
กระทั่งมีการจับกุม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ออกมาชี้แจงว่า ทางอำเภอเสนอเรื่องให้จังหวัดแล้ว แต่เอกสารหาย โดยอ้างว่าอาจสูญหายระหว่างย้ายสำนักงานใหม่ ส่งผลให้ผับแห่งนี้เปิดดำเนินการมาเรื่อยๆ แม้จะมีชาวบ้านร้องเรียนว่าเสียงดัง สร้างความเดือดร้อนรำคาญ แต่ทั้งรวจและฝ่ายปกครองกลับวางเฉย ไม่แน่ใจว่ามีอะไรบังตาหรือไม่
แต่ผลบุกจับผับเถื่อน ทำให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด(ผบก.ภ.จว.)เชียงใหม่ เดือดจัด สั่งเด้งผกก.สภ.ช้างเผือก เก็บกรุ พร้อมตั้งกรรมการสอบ 5 เสือโรงพัก ขีดเส้น 15 วันจบ แต่กลับกันทางผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หรือนายอำเภอเมืองเชียงใหม่ มิได้สั่งเด้งฝ่ายปกครองที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ดังนั้นที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รองผบ.ตร.)บอกว่าจะตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ละเอียดเพื่อให้ความเป็นธรรมกับ ผกก.และ 5 เสือโรงพักช้างเผือก นั้นถูกต้องแล้ว
เมื่อมาดูรายละเอียดคำสั่งปฏิบัติการฯฉบับนี้ โอกาสที่จะตำรวจและฝ่ายปกครอง จะเปิดศึกเกาเหลาอีกมีโอกาสสูง เพราะในคำสั่งระบุว่าให้แต่ละจังหวัดตั้งชุดเฉพาะกิจ 1 ชุด สามารถตั้งจุดตรวจ จุดสกัดสิ่งผิดกฎหมาย หาข่าว ยาเสพติด ค้ามนุษย์ ครบครองและพกอาวุธปืน การพนัน ติดตามเฝ้าระวังผู้มีอิทธิพล แรงงานผิดกฎหมาย สถานบริการและสถานบันเทิงและดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ฝ่าฝืนในทันที
เนื้องานที่ระบุล้วนแต่ซ้ำซ้อนกับงานตำรวจ แต่ที่ผ่านมาไม่มีศึกเกาเหลาเพราะทั้งตำรวจและฝ่ายปกครอง ในพื้นที่ต่างอยู่กันแบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่
ถ้าทางฝ่ายปกครองเดินตามคำสั่งปฏิบัติการอย่างเข้มแข็ง มีการตั้งด่านตรวจ หากมีคำสั่งเชิงปฏิบัติไม่ชัดเจนโอกาสที่ชาวบ้านอาจจะตกเป็นเหยื่อ ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองที่ตั้งด่านเขมือบก็เป็นได้ เพราะระเบียบการตั้งด่านของฝ่ายปกครองกับตำรวจจะแตกต่างกัน
ซึ่งด่านฝ่ายปกครองไม่แน่ใจว่าต้องปฏิบัติตามกฎหมายอุ้มหายที่บังคับให้ตำรวจหากตั้งด่านจะต้องติดกล้องในระหว่างตั้งด่านตรวจทุกครั้ง และพวกสื่อโซเซียลที่จ้องจับผิดตำรวจตั้งด่านหวังสร้างเรตติ้งกล้าที่จะไปเข้าไปถ่ายในลักษณะเดียวกับที่ตำรวจตั้งด่านหรือไม่
ขณะที่ตำรวจถ้าตั้งด่านตรวจจะต้องปฏิบัติตามระเบียบอย่างเคร่งครัด มีชื่อหัวหน้าคุมด่านปรากฏชัดเจน ตำรวจทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องมีกล้องติดหมวกตามกฎหมายอุ้มหายทุกคน ยอมให้พวกสื่อโซเซียลอยากสร้างยอดวิวสามารถเข้าตรวจสอบได้
ดังนั้นเพื่อไม่ให้เกิดศึกเกาเหลาแบบที่เชียงใหม่ ผู้ว่าราชการจังหวัดและผบก.ภ.จว.ฯต้องประสานการทำงานอย่างใกล้ชิด เก็บกวาดสิ่งผิดกฎหมายทุกประเภทให้สะอาดหมดจด เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายปกครองหรือตำรวจส่วนกลางไปเปิดปฏิบัติการตบหน้าได้อีก
ขณะเดียวกันทางผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตั้งแต่ผบ.ตร.ยันผบก.ต้องเร่งทำงานแบบเชิงบูรณา อย่าปล่อยปละละเลยเหมือนในอดีต ที่ตำรวจต้องดิ้นรนหาประโยชน์เพื่อแลกกับตำแหน่งที่ดีและขยับขึ้น
แต่ยุคนี้พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร.ประกาศชัดเจนว่า”ถ้าใครตั้งโต๊ะซื้อขายตำแหน่งผมเอาตายเลย ใครไปเสนอตำแหน่งโดยเรียกรับแจ้งผมโดยตรง” แสดงว่าการซื้อขายตำแหน่งไม่มี และขออนุมานด้วยว่าส่วยต้องยุติไปโดยปริยาย
เมื่อ ผบ.ตร.ประกาศจุดยืนแบบนี้ ตำรวจคุมพื้นที่ทุกนายตั้งแต่ผู้บัญชาการ(ผบช.)ยันชั้นประทวน ต้องเร่งกวาดบ้านให้สะอาดโดยเร็ว เพื่อปิดจุดอ่อนไม่ให้ฝ่ายปกครองจู่โจม
ถ้าทำสำเร็จคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ออกมาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม มีผลวันที่ 1 พฤศจิกายน จะไร้ค่าทันที สึกเกาเหลาจะยุติไปโดยปริยาย ข้อครหาที่ตำรวจกับฝ่ายปกครองในพื้นที่อยู่กันแบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ จะเลือนไป
เมื่อสิ่งผิดกฎหมายถูกกำจัด อันธพาลถูกปราบ ผลดีจะตกกับสุจริตชน ก้อนอิฐที่กระหน่ำปาใส่ตำรวจจะเปลี่ยนเป็นยื่นช่อดอกไม้ให้แทน !!!
