ผบ.เด่น พบ นายกฯ รายงานเหตุค้นบ้าน” รองฯโจ๊ก” เชื่อไม่ใช่ความขัดแย้ง2บิ๊กตร.ยันให้ความเป็นธรรม ด้าน “ผบช.ไตรรงค์” ยัน การขอหมายค้นเป็นไปตามขั้นตอนฯ ปฏิเสธไม่ทราบเป็นการเมืองภายในตร.
วันที่ 25 ก.ย.66 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีตำรวจไซเบอร์นำหมายเข้าตรวจค้นบ้านพัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีส่วนเกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.การพนันฯ นายกรัฐมนตรีได้กำชับในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ว่า ยังไม่ได้กำชับ แต่มีการรายงานนายกรัฐมนตรีในเบื้องต้นก่อน เนื่องจากท่านติดภารกิจ ส่วนจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อมาตรวจสอบเรื่องดังกล่าวหรือไม่ต้องรอนโยบายของนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง ส่วนนายตำรวจที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อนหรือไม่นั้น ก็ต้องรอดูผลจากการสอบสวนของกองบัญชาการตำรวจนครบาลว่ามีรายงานอย่างไร ยืนยันว่า เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งเรื่องนี้สืบเนื่องจากการขยายผล จากตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ สอท. เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว และขยายผลมีการออกหมายจับที่ศาล ทั้งหมด 23 หมาย มีตำรวจ 8 หมายพลเรือน 15 หมาย จับกุมตรวจค้นตามหมายจับวันนี้จึงเป็นการจับกุมตรวจค้นตามหมายจับ ส่วนรายละเอียดตนจะให้ผู้ที่รู้เรื่องดีที่สุด เมื่อค้นทุกจุดแล้วจะมีการแถลงอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถามว่า กรณีดังกล่าวมีความเชื่อมโยงกับพ.ต.ท.วสวัตติ์ มุครสกุล หรือ สารวัตรซัว หรือเครือข่าย “เมฆ รามา” ผบ.ตร.หรือไม่ ระบุว่า ยังไม่ได้ยิน แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับ มินนี่ เจ้าของเว็บพนันรายใหญ่ ส่วนคลิปที่พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไปร่วมงานเลี้ยง กับมินนี่และ ทนายตั้ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ส่วนตัว ยังไม่ได้ดู เนื่องจากเมื่อเช้าประชุมอยู่กับนายกรัฐมนตรี รายละเอียดต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนทุกเรื่อง ถึงแค่ไหนแค่นั้นก่อนตามข้อมูลของฝ่ายดำเนินการสอบสวน
เมื่อถามว่าการบุกค้นบ้านพัก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เกี่ยวข้องกับการสรรหา ผบ.ตร.คนใหม่ในวันที่ 27 กันยายนนี้หรือไม่ ผบ.ตร. ระบุว่า ส่วนตัวคิดว่าไม่เกี่ยว เพราะเป็นการทำงานจากการขยายผล และเรื่องนี้ก็ยังไม่เกี่ยวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่อาจจะเกี่ยวกับลูกน้องของท่านต้องให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ส่วนเรื่องนี้เป็นความขัดแย้งในองค์กรตำรวจระหว่าง 2 ตำรวจใหญ่หรือไม่ ผบ.ตร.ระบุว่า ตนเชื่อว่าไม่ใช่ แต่เป็นเรื่องของหลักฐานไปถึงใครเท่านั้นเองมันมีคดีตั้งต้นอยู่ก็สอบสวนไป ย้ำว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน อย่างเช่น การเสียชีวิตของ ผู้กำกับเบิ้ม หรือ พ.ต.อ.วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ตอนแรกก็มีข่าวว่าเป็นการฆาตกรรมตนก็ไปตรวจสอบด้วยตนเอง สอบถามจาก กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 แล้วพยานหลักฐาน ซึ่งไม่ใช่เป็นการฆ่าตัวตาย แต่ก็ไม่ใช่เป็นข่าวลือ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริง ตำรวจที่อยู่ในงาน ใครจะผิดใครจะละเว้น ใครจะให้การเท็จหรือไม่ ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริงทุกอย่าง และเป็นไปตามข้อกฎหมาย ให้พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐาน เราไม่อยากพูดก่อน แต่จะชี้แจงไปตามข้อเท็จจริง เรื่องนี้มีข้อเท็จจริงอยู่ วันนี้ไปค้นหลายจุดมาก และจะขอสรุปในช่วงบ่ายว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร ขอให้รายงายกลับมาที่ตนก่อน ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีนี้รับผิดชอบโดยนครบาล ต้องดูว่าจะมีความต้องการให้ตั้งคณะทำงานสืบสวนสอบสวนในระดับ ตร.หรือไม่ เพราะมีความเกี่ยวพันกับผู้ต้องหาหลายคนหลายจุด หากมีการเสนอมาตนก็จะรีบพิจารณา
เมื่อถามว่า หากหลักฐานสาวไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะต้องมีการสอบสวนเรื่องนี้ด้วยหรือไม่นั้น กล่าวว่า ตนยังไม่ได้ข้อเท็จจริงถึงขนาดนั้นขอให้ได้รับรายงานที่ชัดเจนก่อน ทั้งนี้ได้รับรายงานมาเมื่อเช้าและยังไม่แน่ใจว่าบ้านหลังนี้เป็นของใคร เพียงแต่ต้องการจับบุคคลตามหมายจับ อันนี้บ้านใครตนยังไม่ทราบเลย ซึ่งเขารายงานมาเมื่อเช้าว่ามีการเข้าไปตรวจค้น การตรวจค้นเป็นไปตามหน้างาน มีหนังสือขออนุญาตซึ่งจะต้องไปตรวจสอบ ข้อเท็จจริงกับหัวหน้าชุด
ผบ.ตร. ยืนยันว่า ตนยังไม่ได้คุยกับ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ เนื่องจากติดภารกิจ ส่วนจะต้องมีคำสั่งย้าย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มาช่วยราชการ ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือไม่ ย้ำว่า ยัง ขออนุญาตตรวจสอบให้ดีก่อน เพราะวันนี้ตนก็ยุ่งตั้งแต่เช้า
เมื่อถามว่ารู้สึกอย่างไรในช่วงใกล้เกษียณอายุราชการแต่ก็ยังมีเรื่องราวปัญหามากมาย ผบ.ตร.ไม่ตอบคำถามดังกล่าว ถามย้ำว่าเรื่องดังกล่าวจะต้องจบก่อนเกษียณ วันที่ 30 กันยายน นี้เลยหรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า อ่อ คงไม่ขนาดนั้น เมื่อถามว่ารู้สึกหนักใจหรือไม่เนื่องจากคดีดังกล่าวเกี่ยวข้องกับบิ๊กตำรวจกล่าวว่า ทุกคดีย่อมมีความหนักใจทั้งนั้นแหละ ย้ำว่าต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พร้อมย้ำว่าจะไม่ให้ความช่วยเหลือใคร แต่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และตนก็ยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี เนื่องจากท่านรีบกลับไปก่อน
ในวันเดียวกันนี้ ที่ บก.น.5 พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี เปิดเผยภายหลังสอบปากคำกลุ่มผู้ต้องหาเว็บพนันออนไลน์ ว่า ยืนยันการขอหมายค้น และหมายจับเป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย โดยการสืบสวนพบว่าผู้ที่ถูกออกหมายจับ ได้เข้าไปหลบซ่อน ที่บ้านเลขที่ตามที่ศาลอนุมัติหมายค้น และสามารถจับผู้ต้องหาตามหมายจับได้ที่บริเวณหน้าบ้านหลังดังกล่าว 1 ราย ซึ่งการขอหมายค้นเป็นไปตามระเบียบที่ไม่จำเป็นต้องระบุว่าผู้ใดอาศัยอยู่บ้าง เพียงแค่มีชื่อเจ้าของกรรมสิทธิ์ปรากฎเท่านั้น ซึ่งในที่นี้เป็นชื่อบุคคลอื่นที่ปรากฎ ตำรวจจึงไม่ทราบว่า บ้านเป็นของรอง ผบ.ตร. ตามที่รอง ผบ.ตร.อ้างว่าการขอหมายไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนการที่ รองผบ.ตร.เตรียมตั้งทีมกฎหมาย เพื่อฟ้องกลับชุดพนักงานสอบสวนที่ขอหมายค้น ตนยังไม่ทราบข้อมูล แต่มั่นใจได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย แต่หากรู้สึกว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมก็สามารถที่จะดำเนินคดี ตามขั้นตอนของกฎหมายได้
ส่วนกรณีที่รองผบ.ตร.กล่าวหาว่า การจับกุมและการออกหมายค้นในครั้งนี้เป็นการเมืองภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น ตนเองไม่ทราบและไม่มีข้อมูล เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
โดยล่าสุดตอนนี้จับผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 17 ราย แยกเป็นตำรวจ 8นาย ยศตั้งแต่ พล.ต.ต.-ส.ต.อ. ซึ่งทั้ง8อยู่ในการควบคุมของพนักสอบสวนเรียบร้อยแล้ว ส่วนพลเรือนยังเหลืออีก6ราย ก็ต้องดำเนินการติดตามจับกุมมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด สำหรับผู้ต้องหาที่ควบคุมตัวได้จะมีการดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายใน 48 ชม. ก่อนที่จะมีการนำตัวไปฝากขังผัดแรกต่อไป ส่วนผู้ต้องหาจะมีการขอปล่อยตัวชั่วคราวหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของหัวหน้าพนักงานสอบสวน คือ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.น.5
อย่างไรก็ตามคดีนี้เป็นการจับกุมผู้ต้องหาในคดีเว็ปพนันออนไลน์ ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ เมื่อเดือน ก.ค.66