ผบช.ภ.7 แถลงระดมกวาดล้างจับอาวุธปืนและผู้ต้องหา กว่า1.2พันราย ยังไม่พบโยงเครือข่ายกำนันนก เร่งสืบเชิงลึกไม่ปล่อยให้เหิมเกริม พร้อม สั่ง104โรงพักสำรวจปืนภายใน30วัน
วันที่ 19 ก.ย.66 เวลา 15.00น.ที่ ตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 แถลงปฏิบัติการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ภายใต้แผนยุทธการ “ปิดเมือง สยบโจร โค่นอิทธิพล” ระหว่างวันที่ 12่- 18 กันยายน 2566 โดยสามารถจับกุมผู้กระทำความผิด จำนวน 1,258 ราย ประกอบด้วย เป็นความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนวัตถุระเบิดเครื่องกระสุนปืนมากที่สุด 221 ราย, ความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจับกุม 625 ราย, ความผิดเกี่ยวกับการพนันจับกุม 51 ราย, ความผิดเกี่ยวกับ พรบ.คนเข้าเมืองฯ จับกุม 174 ราย, ความผิดเกี่ยวกับสถานบริการจับกุม 5 ราย และจับกุมบุคคลตามหมายจับจับกุม 182 หมาย ยึดของกลางเป็นอาวุธปืนจำนวน 172 กระบอก พร้อมกับเครื่องกระสุนจำนวน 2,156 นัด / ระเบิดปิงปองจำนวน 22 ลูก ยาบ้าจำนวน 13,667 เม็ด และยาเสพติดประเภทอื่นอีกจำนวนมาก
ในการปฏิบัติการครั้งนี้ตำรวจภูธรภาค 7 เน้นการจับกลุ่มเกี่ยวกับผู้กระทำความผิด เกี่ยวกับอาวุธปืนสงครามระเบิดเครื่องกระสุนการจำหน่ายอาวุธปืนและวัตถุระเบิด รวมทั้งอาวุธปืนและวัตถุระเบิดและอาวุธปืนสงครามพร้อมเครื่องกระสุนที่จำหน่ายผ่านระบบออนไลน์
จากการสอบปากคำผู้ที่ถูกจับกุมไม่พบว่าเป็นแก๊งหรือเป็นผู้มีอิทธิพลแต่อย่างใด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นประชาชนและสารภาพว่าจะนำไปป้องกันทรัพย์สินหรือมีการเคลื่อนย้ายปืนจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง
พล.ต.ท.ธนายุตม์ ยืนยันว่าผู้ต้องหาและอาวุธปืนที่ได้มีการระดมจับกุมครั้งนี้ ยังไม่พบว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับเครือข่ายกำนันนก ซึ่งอาวุธปืนเหล่านี้ได้จากการตรวจยึด และการตั้งด่านตามจุดต่างๆ รวมทั้งปิดล้อมระดมกวาดล้างบุคคลตามหมายจับในพื้นที่ แต่จะทำการตรวจสอบอาวุธปืนทุกกระบอกว่าเคยนำไปใช้หรือก่อเหตุที่ผิดกฎหมายหรือไม่ หากเป็นปืนมีทะเบียน และทำผิดใบอนุญาต จะทำการประสานนายทะเบียนเพิกถอนทุกราย
ส่วนกรณีของกำนันนกหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้ปิดล้อมตรวจค้น 16 จุด สามารถจับกุมลูกน้องกำนันนกและยึดอาวุธประกอบด้วยอาวุธปืน .45 1 กระบอก และ9มม.จำนวน 2 กระบอก จากนี้จะดำเนินการสืบสวนต่อเนื่องเชิงลึกและเชิงลับ หากไม่กลับใจและคิดต่อสู้เจ้าหน้าที่ได้กำชับให้จัดการเด็ดขาดไม่ยอมให้เหิมเกริมในพื้นที่แน่นอน
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยังกล่าวด้วยว่าได้สั่งการให้ผู้บังคับบัญชาทั้ง 8 จังหวัด 104 โรงพัก ทำการสำรวจปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ครอบครอง ทั้งปืนหลวงและปืนประจำกายที่อยู่ในการครอบครองว่ามีจำนวนเท่าไหร่และมีการซื้อขายอย่างไร รวมถึงการขอใบอนุญาตพกพาต้องแล้วเสร็จภายใน 30 วัน
