ผบช.สพฐ.ตร.ยันไร้ข้อบ่งชี้มีคนอื่นร่วม ผลตรวจวิถีกระสุน-คราบเขม่าดินปืน ชัด “ผกก.เบิ้ม” เตรียมการปลิดชีพตัวเอง

343

พล.ต.ท.อิทธิพล อัจฉริยะประดิษฐ์ ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ( ผบช.สพฐ.ตร.)​ เปิดเผยว่าจากการตรวจพิสูจน์ที่เกิดเหตุบ้านพักของ พ.ต.อ.วชิรา ผกก.กก.2 ทล.เสียชีวิตด้วยอาวุธปืนภายในบ้านพักย่านคูคต จว.ปทุมธานี เมื่อวานที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ดำเนินการตรวจพิสูจน์ทุกอย่างในประเด็นข้อสงสัย โดยพบว่าช่วงเวลาประมาณ ตี 4 ทาง ผกก.เบิ้ม ได้ปีนรั้วเข้ามาบ้านและเข้าไปในเปิดลิ้นชักเอาอาวุธปืนออกมา ซึ่งยังมีกุญแจคาอยู่ ได้สั่งให้ดำเนินการตรวจพิสูจน์ว่าเป็น DNA ของ ผกก.เบิ้มหรือมีDNAของคนอื่นปนเปื้อนหรือไม่ คาดว่าจะทราบภายใน 1-2 วันนี้ และดูว่าตรงจุดที่พบศพพบว่า รอยกระเซ็นของเลือดไปทางขวามือมีเลือดติดอยู่เล็กน้อย เป็นลักษณะของการออกของเลือดทางรูเข้า ส่วนทางซ้ายที่เป็นรูออกของกระสุนจะมีปริมาณมากกว่า และมีมันสมองติดอยู่ตรงกำแพงห้อง ซึ่งสอดคล้องตรงกับทิศทางของกระสุนเข้าและออก

ส่วน ผกก.เบิ้ม สูงประมาณ 160 ซม.แต่รอยกระเซ็นของเลือดพบต่ำลงมา แสดงว่ากระทำในลักษณะนั่งก้นติดพื้นและชันเข่าขึ้นมา แต่ถ้านั่งคุกเข่า หลังยิงแล้วหน้าก็คว่ำลงไปข้างหน้า แต่ถ้านั่งก้นติดพื้นก็จะหงายหลังลงไป และรอยเลือดระหว่างก้นถึงขาจะต้องไม่มีเลือด แต่ถ้ามีการลากเลือดก็จะต้องกระจายทั่วไปหมด และจากการเก็บเขม่าดินปืนที่มือด้วยระบบ AAS (Atomic Absorption Spectroscopy)​ ซึ่งเป็นระบบที่ดีที่สุดของโลกพบเขม่าดินปืนของ ผกก.เบิ้ม ทั้งสองมือ ลักษณะใช้มือขวาจับปืนและมือซ้ายประคองในการยิง ส่วนเพื่อนร่วมรุ่นของ ผกก.1คนและลูกน้องรวม 5คน ได้ทำการตรวจคราบเขม่าแล้วแต่ไม่พบ ส่วนคราบเลือดที่เห็นเป็นวงกลมจากการตรวจสอบพบว่าเป็นโรบอทดูดฝุ่น ซึ่งเป็นโรบอทที่ตั้งเวลาทำงาน​แบบอัตโนมัติ เมื่อแบตใกล้หมดจะวิ่งกลับมาทำงานที่เดิม เมื่อเปิดที่เก็บผงฝุ่นก็พบหัวกระสุนปืนและเลือด

ส่วนที่ตั้งข้อสังเกตว่าเวลาที่ใช้ก่อเหตุหลังปีนเข้าบ้านประมาณ4 นาทีนั้นสอดคล้องกับการก่อเหตุหรือไม่ จากการตรวจที่เกิดเหตุพบว่ามีความเป็นไปได้เพราะสามารถใช้เวลาได้เพียง 1-2นาทีเท่านั้น

พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าวว่าจากพยานหลักฐานเชื่อว่า ผกก.เบิ้ม เตรียมการที่จะปลิดชีพตัวเองไว้แล้วและกระทำไปอย่างมีสติ เพราะคงเค​รียดมาก พร้อมย้ำว่าขณะนี้ยังไม่มีเครื่องบ่งชี้ว่ามีคนอื่นร่วมอยู่ด้วยในวันเกิดเหตุ

#thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์