“รองฯโจ๊ก” ร่วมประชุม ป.ป.ส. “นายกรัฐมนตรี” ให้แนวทางทำงานด้านความมั่นคง หวังเปิดฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน เน้นย้ำปราบปรามมาเฟีย วางคดี ”กำนันนก” เป็นตัวอย่าง ล้างบางพวกมีอิทธิพล

261

พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาตำรวจแห่งชาติ กล่าวภายหลัง ร่วมประชุมกับ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดหรือป.ป.ส. กับนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพิษณุโลก โดยนายกได้ให้แนวทาง 2 เรื่อง เรื่องแรกคือด้านการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลมีนโยบายฟรีวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งในส่วนของหน่วยงานความมั่นคงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มองว่าเป็นเรื่องที่มี ประโยชน์กับประเทศเป็นอย่างมาก เนื่องจากการที่นักท่องเที่ยวจีนไม่เดินทางมาประเทศไทย เพราะมีขั้นตอนยากลำบากในการเดินทางเข้าประเทศ ต้องการเปิดวีซ่าจะทำให้นักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาที่ประเทศไทยได้สะดวกมากขึ้น โดยตำรวจจะมีการเพิ่มมาตรการความปลอดภัย เชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยว ให้สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเน้นย้ำในส่วนด้านความปลอดภัยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลเพื่อรองรับนโยบายนี้ ซึ่งจะทำให้โรงแรม ร้านค้า กลับมาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ต้องยอมรับว่านักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มเป้าหมายหลักของไทย

ส่วนอีกเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้มีการเน้นย้ำ และเป็นกังวล คือการปราบปรามมาเฟียและผู้มีอิทธิพล และให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำแนวทางให้มีการปราบปรามให้ถึงที่สุด รวมถึงที่มีการฮั้วะประมูลในพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องคดีกำนันนก ที่มีเงินเป็นพันล้านบาท ภายในเวลาไม่กี่ปี และมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ยืนยันว่าตนจะลงไปกำกับดูแลเรื่องนี้โดยตรง เพื่อให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น และตำรวจต้องไม่เป็นไม้ค้ำยันให้ผู้มีอิทธิพลเหล่านี้

ผู้สื่อข่าวสอบถามว่านายกรัฐมนตรีได้มีการกำชับเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ โดยรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติย้ำว่า เรื่องคดีกำนันนกนายกรัฐมนตรีให้สอบสวนให้ถึงที่สุด ส่วนจะมีการออกหมายเรียกตำรวจเพิ่มเติมอีก 6 คนหรือไม่ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตอบว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน หากสอบสวนแล้วพบว่า เป็นผู้กระทำผิด ก็จะดำเนินการอนุมัติขอหมายจับต่อศาล และออกหมายจับต่อไป ส่วนตำรวจสามนายที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้นำเซิร์ฟเวอร์ไปทิ้งน้ำ จะมีการดำเนินการต่ออย่างไร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติตอบว่า ได้มีการกู้เซิฟเวอร์แล้ว และจะใช้เวลา 3-4 วัน ในการกู้ข้อมูล

นอกจากนี้ ในส่วนของทรัพย์สินของกำนันนก ต้องมีการอายัติหรือไม่ ร.ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ขนาดนี้ยังไม่มีการอายัติทรัพย์สิน เนื่องจากยังไม่เข้าข่ายความผิด ขณะนี้ได้เอกสารและข้อมูลส่วนใหญ่มารวบรวมไว้แล้ว โดยจะมีการสอบสวนเรื่องหัวประมูล หากพบว่ามีการหัวประมูลจริง ก็จะเข้าความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งจะใช้มาตรการการยึดทรัพย์ได้

ส่วนตำรวจที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด ต้องรับผิดชอบหรือไม่ ร.ผบ.ตร. ยืนยันว่าในหลักของกฎหมาย หากละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ การทำลายวัตถุพยานหลักฐาน ซึ่งในเหตุการณ์จะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกเกิดเหตุแล้ววิ่งหนี จะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่แน่นอน กลุ่มที่สองคือกลุ่มร่วมทำลายพยานหลักฐาน และพากำนันนกหนี ซึ่งกลุ่มแรกได้มีการออกหมายจับไปบางส่วนแล้ว และกลุ่มที่สาม พาคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล ซึ่งตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับกลุ่มนี้ ทั้งนี้ความชัดเจนเริ่มเห็นได้ชัดอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตามตำรวจที่มีความเกี่ยวข้อง โดยส่วนใหญ่เป็นตำรวจภาค 7 และตำรวจกองบัญชาการสอบสวนกลาง (ตำรวจทางหลวง) ซึ่งคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพราะพยานหลักฐานมีครบ เพียงแค่ตรวจสอบ CCTV และเส้นทางการเงิน คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ก็จะสอบสวนเสร็จสมบูรณณ์

ประเด็นหลัดในคดีนี้ ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องส่วยแต่เป็นการขอตำแหน่งหน้าที่แล้วไม่ให้ จึงมีการสั่งยิง ยืนยันว่าจะดำเนินการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด ซึ่งกำนันนกยังคงให้การปฏิเสธ ยืนยันว่ายังไงก็ไม่มีทางหลุดรอกจากคดีนี้ ซึ่งวันนี้มีทั้งคำให้การยืนยัน พยานแวดล้อม ยังไงก็ไม่มีทางหลุด ขณะนี้กำนันนกยังไม่ยื่นของประกันตัว คาดว่าน่าจะกลัว

“กำนันนกไม่มีทางหลุด ไม่ให้ตำรวจพื้นที่ทำเพราะอาจมีการหลุดรั่ว ทำให้คดีนี้เป็นตัวอย่าง ว่าใครทำตัวเป็นผู้มีอิทธิพลต้องเจอแบบนี้ ซึ่งวันนี้จะล้างให้หมด”

#thaitabloid #สำนักข่าวไทยแทบลอยด์