หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"สว.อดีต ผบช"โพสต์เดือด ฝากน้องช่วยขุดรากถอนโคนไอ้พวกเหี้ยๆ

“สว.อดีต ผบช”โพสต์เดือด ฝากน้องช่วยขุดรากถอนโคนไอ้พวกเหี้ยๆ


      
“สว.อดีต ผบช” โพสต์เดือด  ฝากน้องช่วยขุดรากถอนโคนไอ้พวกเหี้ยๆเหล่านี้ รวมทั้งตำรวจชั่วที่เป็นสุนัขรับใช้พวกมันด้วยนะ พี่จะคอยดู #อย่าให้นักเลงราษฎร์ มันอยู่เหนือนักเลงหลวง

เมื่อวันที่ 10 ก.ย.2566 พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร สมาชิกวุฒิสภา ได้โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลไลน์ มีใจความระบุว่า  เล่าสู่กันฟัง…!!!อย่าปล่อยให้คนชั่ว มันอยู่เหนือกฎหมาย..!!!

“(สู้ตาย) ฝากน้องช่วยขุดรากถอนโคนไอ้พวกเหี้ยๆเหล่านี้ รวมทั้งตำรวจชั่วที่เป็นสุนัขรับใช้พวกมันด้วยนะ พี่จะคอยดู

   #อย่าให้นักเลงราษฎร์ มันอยู่เหนือนักเลงหลวง

   เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา (6ก.ย.66) มีเรื่องกระทบจิตใจและความเชื่อมั่นของประชาชนคนไทยอยู่พอสมควร ก็เรื่องที่กำนันคนหนึ่งในนครปฐมจัดงานเลี้ยงประจำเดือน มีการเชิญนายตำรวจกว่า 20 คนไปร่วมงานมีระดับ ผกก. จำนวน 3 นาย นอกนั้นยังมี รอง ผกก สารวัตร อีกจำนวนหนึ่ง ระหว่างงานมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นระหว่างกำนันกับตัวสารวัตรทางหลวงท่านหนึ่ง เป็นเหตุให้ลูกน้องของกำนัน ใช้อาวุธปืนยิงสารวัตรทางหลวงท่านนั้น(เท่าที่ทราบเป็นคนดี) ต่อหน้าต่อตานายตำรวจและคนที่มาร่วมงานจนถึงแก่ความตาย และยังมีรอง ผกก.ได้รับบาดเจ็บอีก

    หลังเกิดเหตุแทนที่ตำรวจเหล่านั้นจะร่วมกันจับกุมและรักษาสถานที่เกิดเหตุไว้เพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด แต่กลับปล่อยให้มีการทำลายพยานหลักฐานไม่จับกุมตัวและยังมีส่วนช่วยเหลือกำนันกับมือปืนหลบหนีไปเสียอีก

      ผมเองหลังทราบเรื่องนี้จึงรู้สึกหดหู่ใจยิ่ง น่าจะยิ่งกว่าพี่น้องประชาชนคนทั่วไปหลายพันเท่า ทั้งนี้โดยส่วนตัวในฐานะที่เป็นตำรวจเก่า จึงได้ส่งข้อความข้างต้นไปถึงน้องๆตำรวจที่มีอำนาจหน้าที่ในเวลานี้ให้ช่วยจัดการในเรื่องนี้อย่างจริงจังและเด็ดขาด อย่าปล่อยให้”คนชั่วมันอยู่เหนือกฎหมาย” คนดีจะได้อยู่อย่างมีความสุขโดยเร็วที่สุดต่อไป (please!)

    พูดถึงผู้มี”อิทธิพล”นี้ ก็ไม่รู้ว่ามันมีได้อย่างไร ส่วนตัวผมเองตั้งแต่รับราชการเป็นตำรวจมา ผมมักจะพูดกับน้องๆว่าผมไม่เคยสะกดคำว่า”ผู้มีอิทธิพล”เป็นเลย เพราะถ้าพวกเราไม่ไปให้ท้ายมันๆก็ทำอะไรไม่ได้ คำๆนี้จะไม่มีในพจนานุกรมอย่างแน่นอน และผมยังบอกน้องๆอีกว่า ตำรวจเปรียบเป็นนักเลงหลวงมีอาวุธมีกฎหมายเป็นเครื่องมือ ส่วนคนชั่วมันเปรียบเป็นนักเลงราษฏร์ แต่มันไม่มีอาวุธ มีกฎหมายเป็นเครื่องมือ เราจะปล่อยให้มันอยู่เหนือเราไม่ได้ ประชาชนจะขาดที่พึ่ง

     ดังนั้นถ้าเราตั้งใจทำความดีก็ไม่ต้องไปเกรงกลัวอะไรเพราะความกลัวทำให้เราไม่กล้าทำอะไร ความเสียหายก็จะเกิดแก่ส่วนรวมอย่างแน่นอน

      มีคนหลายคนเคยถามผมว่า”ไม่กลัวตายบ้างหรือ สงสัยน่าจะมีพระดีห้อยคอแน่ห้อยหลวงพ่ออะไรหรือ” ผมก็ตอบไปว่าห้อย ”หลวงพ่อดี” เขาเลยถามอีกว่าวัดไหน จะได้ไปหาเช่าบ้าง ผมเลยตอบไปว่า หลวงพ่อดีอยู่วัดในใจเรานั่นเอง

    พูดถึงเรื่องนี้แล้วไม่รู้ว่ามันมีส่วนจริงหรือไม่ เพราะชีวิตผมก็เสี่ยงตายเสี่ยงเป็นมาหลายครั้ง รอดตายมาก็หลายหน เคยถูกยิงผ่านหัวกบาลชนิดถากเส้นผมไปแค่เส้นยาแดงผ่าสิบแปดไปก็มี ฯลฯ เป็นต้น ผมเองก็เคยมีค่าหัวถึงสองล้านบาทเลยเชียวนะ  แต่ผมก็รอดมาได้ อาจเป็นเพราะว่าผมคงห้อยหลวงพ่อดีแหงๆเลย (content)(content)

   เรื่องค่าหัวสองล้าน บาทเนี่ย เกิดขึ้นสมัยผมเป็น ผกก.สภ.เมืองแพร่ ในยุคนั้นมีปัญหาเรื่องตัดไม้ทำลายป่ากันมาก ถ้าปล่อยไปเช่นนี้นับวันป่าไม้ก็จะหมดไปแน่เลย พอผมขึ้นเป็นผกก.เมืองแพร่ นอกจากหวยบ่อนซ่อง และการค้าสำนวนแล้ว ปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ คือขบวนการค้าไม้เถื่อน ซึ่งมีเจ้าหน้าที่รัฐให้การสนับสนุน เพราะไม้เถื่อนออกจากป่ามันต้องบันทุกรถวิ่งมาตามถนน ผ่านจุดตรวจ ด่านตรวจของเจ้าหน้าที่เข้าสู่โรงงานแปรรูป การแก้ปัญหาง่ายนิดเดียวคือ เจ้าหน้าที่รัฐต้องไม่รับคิว(ส่วย)จากพ่อค้าไม้

    ดังนั้นเมื่อผมได้ขึ้นเป็น ผกก.สภ.เมืองแพร่ ผมจึงประกาศไม่รับคิวทั้งหมด บ้านเมืองจึงสงบ คนชั่วไม่กล้ามาทำผิดในพื้นที่ผม ส่วนปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าก็ลดลง เพราะพ่อค้าไม้ไม่สามารถนำรถไม้ผ่านพื้นที่ผมได้ ทำให้เจ้าหน้าที่รัฐที่เคยรับคิวขาดรายได้ (ถึงกับส่งคนมาเจรจากับผมว่าจะเก็บให้เองไม่เกี่ยวกับตำรวจไม่มีใครรู้หรอก แต่ผมก็ปฏิเสธไป)รถขนไม้เถื่อนกว่าสองสามร้อยคันต้องหยุดวิ่งหมด พวกเหล่านี้เดือดร้อนกันมากเพราะขาดรายได้ จึงลงขันกันสองล้านบาทเพื่อมาฆ่าผม แต่ผมก็รอดมา(ได้อาจเป็นเพราะหลวงพ่อดี
ก็ได้(content))เพราะมีการเปลี่ยนใจไม่ฆ่าผมแต่กลับไปวิ่งเต้นให้ย้ายผมแทนทราบมาว่า ห้าแสนบาท ประหยัดค่าใช้จ่ายไปล้านห้า แถมไม่ต้องถูกดำเนินคดีอีกเพราะอาจคิดว่าคงไม่มีใครปล่อยให้ผมตายฟรีแน่นอนเช่นเดียวกับคดีฆ่าสารวัตรทางหลวงที่พึ่งเกิดขึ้น ซึ่งในที่สุดผมก็ถูกย้ายจริงๆ ทั้งๆที่ผมอยู่ได้เพียง 1 ปี ไม่ครบ 2 ปี ตามกฎ ก.ตร.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งและโยกย้ายฯ 2549 ข้อ 14 การแต่งตั้งสับเปลี่ยนหมุนเวียนข้าราชการตำรวจ….ผู้นั้นจะต้องดำรงตำแหน่งที่ได้รับการแต่งตั้งครั้งสุดท้ายมาแล้วไม่น้อยกว่าสองปี…” (ที่บังคับใช้ขณะนั้น) ถือว่าพวกพ่อค้าไม้เถื่อนมันช่างเก่งจริงๆ(เศร้า)

   ที่เล่ามานี้เป็นเพียงประสบการณ์ส่วนหนึ่งและอยากให้กำลังใจคนดีที่ตั้งใจทำงานเท่านั้นเองแหละครับ

# ความกลัวทำให้ไม่กล้า# รักเธอประเทศไทย # ทำดี ทำได้ ทำทันที # เมื่อตั้งใจทำดีต้องทำให้สำเร็จ

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img