หน้าแรกกระบวนการยุติธรรมตร.ไซเบอร์กวาดล้างซิมเถื่อนริมชายแดนไทย-มาเลย์ตัดวงจรส่งขายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในต่างแดน

ตร.ไซเบอร์กวาดล้างซิมเถื่อนริมชายแดนไทย-มาเลย์ตัดวงจรส่งขายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในต่างแดน

กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ ได้สั่งการให้ให้มีตรวจสอบการกระทำความผิดตามสื่อสังคมออนไลน์ ระดมกวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งขบวนการซื้อขายซิมผีบัญชีม้า สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก

สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนหาข่าวการกระทำผิด ลักลอบจำหน่ายซิมการ์ดที่ลงทะเบียนไว้แล้ว (ซิมม้า) จำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว และบุคคลทั่วไป โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแผนทำการล่อซื้อซิมการ์ดที่ร้านค้าดังกล่าว เมื่อซิมการ์ดที่ได้ซื้อมาทำการตรวจสอบซิมการ์ดดังกล่าว พบว่าเป็นซิมการ์ด หมายเลขโทรศัพท์ 082 748 xxxx เมื่อนำมาใช้ในโทรศัพท์ของเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม พบว่าสามารถใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องลงทะเบียน จากนั้นเมื่อตรวจสอบผู้ที่ลงทะเบียน พบว่าได้ทำการลงทะเบียนโดยผู้ที่มี เลขประจำตัวประชาชนลงท้าย 4 ตัว คือ 3219 จึงได้ประสานไปยังเจ้าหน้าที่ กสทช. เพื่อให้มาทำการร่วมตรวจสอบและร่วมสังเกตการณ์ในวันจับกุมในครั้งนี้ด้วย

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อทำการล่อซื้ออีกหนึ่งครั้งในวันจับกุมโดย มอบให้สายลับเข้าไปทำการขอซื้อ ซิมการ์ดจากร้านโดยมีเจ้าหน้าที่ได้ซุ่มดูอยู่บริเวณหน้าร้าน ขณะนั้นมีนายภูสิน เป็นผู้จำหน่ายซิมการ์ดให้แก่สายลับ เมื่อสายลับได้จ่ายเงินและรับมอบซิมการ์ดมาแล้วได้ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมซึ่งซุ่มดู จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ กสทช. เพื่อขอทำการตรวจค้นพบ ซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ได้จากการล่อซื้ออยู่กับสายลับ และ ซิมการ์ดโทรศัพท์ จำนวน 17 ซิม ตรวจยึดในตู้กระจกจุดที่จำหน่ายบริเวณหน้าร้าน ซึ่งผู้ที่เดินผ่านไปมาสามารถมองเห็นได้ชัดเจนและเป็นสินค้าสำหรับจำหน่าย เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้ทำการตรวจสอบโดยนำซิมการ์ดที่ได้จากการล่อซื้อมาใช้งานต่อหน้า นายภูสิน พบว่าสามารถโทรออกได้โดยไม่ต้องลงทะเบียน จากนั้นได้มี น.ส.ธวัลรัตน์ ได้แสดงตัวเป็นเจ้าของร้านเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าซิมการ์ดทั้งหมดได้ลงทะเบียนไว้แล้วโดยใช้ชื่อของ น.ส.ธวัลรัตน์

ซึ่งเป็นเจ้าของร้าน และ น.ส.ธวัลรัตน์ มีเลขประจำตัวประชาชน ซึ่งลงท้าย 4 ตัว คือ 3219 ซึ่งตรงกับผู้ที่ลงทะเบียนซิมการ์ดก่อนหน้านี้ที่เคยซื้อไปแล้วและตรงกับของกลางซิมการ์ดโทรศัพท์ที่ตรวจยึดได้จากการล่อซื้อ อีกทั้งยังตรวจพบ ซิมการ์ดโทรศัพท์อีกกว่า จำนวน 297 ชิ้น จึงได้จับกุมตัว น.ส.ธวัลรัตน์ อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ชาวอำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา และ นายภูสิน อายุ 17 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 ชาวอำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา โดยผู้ต้องหาที่ 1 กระทำความผิดฐาน “ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้หรือยืมใช้เลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตน ทั้งนี้โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดอาญาอื่นใด” และ ผู้ต้องหาที่ 2 กระทำความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นธุระจัดหา โฆษณา หรือไขข่าวโดยประการใดๆ เพื่อให้มีการซื้อหรือขายเลขหมายโทรศัพท์สำหรับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งลงทะเบียนผู้ใช้บริการในนามของบุคคลหนึ่งบุคคลใดแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้ใช้บริการได้” โดยจับกุมตัวได้ที่ร้านค้าในตัวเมือง อ.สะเดา จ.สงขลา

เบื้องต้นผู้ต้องหาที่ 1 ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ในส่วนของผู้ต้องหาที่ 2 ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนเป็นลูกจ้าง โดยรับค่าจ้างในการขายสินค้าภายในร้าน เป็นเงินรายวัน วันละ 300 บาทต่อวัน ซึ่งสินค้าที่ขายมีซิมการ์ดโทรศัพท์เคลื่อนที่ยี่ห้องต่างๆ และวันนี้ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมให้การรับว่าเป็นคนขายซิมการ์ดของกลาง ให้สายลับจริง”

ทั้งนี้ เป็นไปตามนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติและท่าน พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ที่ต้องการกวาดล้าง ป้องปรามการลักลอบจำหน่ายซิมผีพร้อมใช้งาน ที่มีการลงทะเบียนเปิดใช้งาน (Active) เป็นชื่อบุคคลอื่น โดยจะจำหน่ายให้กับบุคคลทั่วไป โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้อาจเป็นพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หรือมิจฉาชีพ ที่กบดานอยู่ตามประเทศเพื่อนบ้าน นำไปใช้ในการกระทำความผิดในรูปแบบต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดตามจับกุมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ อันเป็นความผิดตาม พรก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ.2566

ผลการปฏิบัติภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา ผบก.สอท.5 ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.ปณิธาน ยามานนท์ ผกก.2 บก.สอท.5 พร้อมชุดสืบสวนจับกุม

#thaitabloid
RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img