เมื่อวันที่ 30 พ.ค. 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ก.ตร. ผูัทรงคุณวุฒิ ตาม พรบ.ตำรวจฉบับใหม่ ได้โพสน์ เฟสบุค มีใจความระบุว่า
“วันจันทร์ 29 พ.ค. 2566 ที่ผ่านมา มีการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 5/2566 ท่านนายกรัฐมนตรีเป็นประธานในการประชุมการประชุมมีวาระการประชุมเรื่องเพื่อทราบ เป็นการรายงานผลการประชุมคณะอนุกรรมการ ก.ตร.คณะต่างๆ เป็นเรื่องงานประจำทั่วไป วาระสำคัญเป็นเรื่องการพิจารณา กรณีตำรวจถูกย้ายออกนอกหน่วยโดยไม่สมัครใจ ร้องทุกข์ขอย้ายกลับสังกัดเดิม มีจำนวน 16 ราย
ก.ตร.ได้มีมติบันทึกข้อสังเกตให้ย้ายกลับสังกัดเดิม 11 ราย เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่า การย้ายออกนอกหน่วยไปไกลแม้จะไม่ขัดกฎหมายแต่เป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ข้าราชการตำรวจเกินสมควร ไม่เกิดประโยชน์ต่อทางราชการ เป็นไปตามแนวทางที่ผมได้เคยอภิปรายไว้ในการประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566
นับเป็นการสร้างบรรทัดฐานการพิจารณากรณีดังกล่าวตลอดไป ซึ่งทำให้ข้าราชการตำรวจมีความมั่นคงในตำแหน่ง เกิดขวัญและกำลังใจในการปฎิบัติหน้าที่ ไม่ต้องวิ่งเต้นเพื่อไม่ให้ถูกย้ายออกนอกหน่วยโดยไม่เป็นธรรมต่อไปอีก
ขอบพระคุณท่านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธาน ก.ตร.และก.ตร.ทุกท่านที่ได้ร่วมกันมีมติดังกล่าว โดยเฉพาะ พล.ต.อ.วินัย ทองสอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งได้ให้ความสำคัญในการพิจารณาวาระนี้อย่างยิ่ง ยกมือแสดงความคิดเห็นให้ข้อสังเกตทุกราย
วาระเพื่อพิจารณาอีกเรื่องที่ ก.ตร.ให้ความสำคัญ และได้มีการอภิปรายอย่างกว้างขวางคือเรื่องการกำหนดกรอบอัตรากำลังพื้นฐานให้กับสถานีตำรวจ กองบังคับการตำรวจนครบาลและตำรวจภูธรจังหวัด ซึ่งมีข้อจำกัด และปัจจัยการพิจารณา หลายประการ
ภาพรวมตำรวจมีกรอบตำแหน่ง 308,611 ตำแหน่ง มีคนครอง 212,683 นาย(ร้อยละ 69)ว่าง 95,928 ตำแหน่ง สถานีตำรวจ 1,484 สถานี มีกรอบตำแหน่ง 176,117 ตำแหน่ง คนครอง 124,226 นาย(ร้อยละ 70.5)ว่าง 51,891 ตำแหน่ง ก.ตร.มีมติให้กำหนดกรอบอัตรากำลังพื้นฐาน สถานีตำรวจ ซึ่งถือเป็นหน่วยงานสำคัญเพื่อบริการประชาชน ต้องไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ขึ้นไป โดยปรับเกลี่ย และรักษายอดกำลังพลให้เพียงพอตามที่กำหนด ท่านเลขา ก.พร.และท่านเลขา กพ.ได้ให้ข้อสังเกตและคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในการบริหารกำลังพล ภายใต้ข้อจำกัด ด้วยการใช้ Digital Transformation และการปรับเกลี่ยกำลังในสถานีตำรวจให้มากที่สุด เพื่อบริการประชาชน
เรื่องสุดท้าย ก.ตร.มีมติแต่งตั้ง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ 3 คนไปเป็นประธาน อนุ ก.ตร.คณะต่างๆ พล.ต.อ.วินัยฯเป็นประธาน อ. ก.ตร.ร้องทุกข์ฯและ พล.ต.อ.มนูฯเป็นประธาน อ. ก.ตร.บริหารทรัพยากรบุคคล และผมเป็นประธาน อ.ก.ตร.กฎหมาย ซึ่งจะช่วยเหลือให้การทำงานของ ก.ตร.เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น “เฟสบุคดังกล่าวระบุ”
