ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำโดย พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ ได้สืบสวนขยายผลจากข้อมูลของกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ยังมีการหลอกลวงคนไทยจนทราบว่ามีเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์
จึงได้ประสานงานผ่าน น.อ.(พิเศษ) พลวัตร อินทรวิเศษ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารอากาศประจำกรุงมะลิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และจัดส่งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าทำการสืบสวนหาข่าวโดยทันที
จากการสืบสวนทราบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์นี้ได้เปิดเป็นศูนย์ปฏิบัติการตั้งอยู่กลางใจเมืองเขตอาลาบัง กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ มีคนไทยหลายรายเป็นพนักงานโทรศัพท์และมีชาวไต้หวันเป็นหัวหน้าควบคุม
โดยในวันนี้(เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2561 เวลาประมาณ 09.30 น. ) พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท.หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ฯ พร้อมด้วย พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท.1 บช.ทท.พร้อมนายบ๊อบบี้ รา เควโป้ หัวหน้าเจ้าหน้าที่สืบสวนหาข่าว พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กระทรวงยุติธรรมประเทศฟิลิปปินส์ ร่วมกับตำรวจท่องเที่ยวจึงได้บุกเข้าทลายแก๊งดังกล่าวนี้ โดยพื้นที่เกิดเหตุอยู่ในหมู่บ้านโพซาดัส วินเลส เขตอาราบัง กรุงมะนิลา หลังสืบทราบว่าเป็นศูนย์สั่งการคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกลวงคนไทยมากกว่าหนึ่งปี เป็นบ้านเดี่ยวสุดหรู 2 ชั้น มีรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างดี แบ่งออกเป็นห้อง ซึ่งมีโต๊ะ พร้อมอุปกรณ์สื่อสารทั้ง คอมพิวเตอร์, โทรศัพท์มือถือ, ซิมโทรศัพท์พร้อมใช้งาน, สมุดบัญชีธนาคาร นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังพบโพยรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูง รวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อที่กำหนดไว้ เช่น จากหน่วยปราบปรามยาเสพติด หน่วยปราบปรามการฟอกเงิน นอกจากนี้ยังพบคนไทย 16 คน ทำหน้าที่โทรศัพท์หาเหยื่อปลายทางในประเทศไทย และมีชายชาวไต้หวัน 3 คน ทำหน้าที่เป็นผู้ควบคุมและสั่งการ ในการหลอกลวงเหยื่อซึ่งแก๊งนี้เริ่มปฏิบัติการหลอกลวงคนไทยมากกว่า 1 ปี มีเหยื่อหลงกลโอนเงินให้เป็นจำนวนมากโดยรายล่าสุดผู้เสียหายถูกหลอกลวงให้โอนเงินไปเกือบ 2,000,000 บาท ในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี
นอกจากนี้ทางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ยังติดตั้งกล้องวงจรปิด ไว้รอบบ้านเพื่อดูความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ที่อาจเข้ามาตรวจสอบหรือบุกเข้าจับกุมอีกด้วย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. กล่าวว่า สำหรับการบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศฟิลิปปินส์ครั้งนี้ถือว่าเป็นศูนย์ปฏิบัติการที่มีขนาดใหญ่ เพื่อหลบหนีการตรวจสอบ กลุ่มนี้ได้เปลี่ยนวิธีการโอนเงิน เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าไปกดเงินในประเทศไทย โดยหันมาใช้บริการอีแบงค์กิ้ง ในการรวบรวมเงินจุดเดียว ซึ่งสามารถทำรายการที่ไหนก็ได้
ขณะที่คนไทยซึ่งถูกควบคุมตัวที่นี่ยอมรับว่า โทรศัพท์กลับไปหลอกลวงคนไทยในประเทศไทยจำนวนไม่น้อย ซึ่งบทสนทนาส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของการส่งสินค้ากลับไปต่างแดน แต่ทั้งหมดยังอ้างว่า ถูกหลอกให้มาทำงาน ทั้งพี่ตำรวจตรวจสอบการเดินทาง พบว่าหลายคนเข้าออกระหว่างไทยและฟิลิปปินส์ หลายครั้งแล้ว
ทั้งยังบอกด้วยว่า การทำงานปราบปรามระหว่างประเทศ ทางการฟิลิปปินส์ให้ความร่วมมือช่วยตามรอยเบาะแสและพิกัดที่ตั้ง และยังให้ตำรวจท่องเที่ยวของไทย พร้อมชุดสายสืบเข้าร่วมจับกุมด้วย ถือเป็นการทำงานตามแนวทาง วันเวิลด์ วันทีม หรือตำรวจหนึ่งเดียวทั่วโลก “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าว
https://youtu.be/p4s76fkyQjg
https://youtu.be/agXn-zSNclk