หน้าแรกการเมือง“บุญเลิศ”ส.ส.ร. 40 เตือนสติ ก้าวไกล คิดการใหญ่ต้องใจกว้าง เจรจาต่อรองทางการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาลดัน”พิธา”นั่งแท่นนายกฯ

“บุญเลิศ”ส.ส.ร. 40 เตือนสติ ก้าวไกล คิดการใหญ่ต้องใจกว้าง เจรจาต่อรองทางการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาลดัน”พิธา”นั่งแท่นนายกฯ

“บุญเลิศ”ส.ส.ร. 40 เตือนสติ ก้าวไกล คิดการใหญ่ต้องใจกว้าง เจรจาต่อรองทางการเมืองเพื่อตั้งรัฐบาลดัน”พิธา”นั่งแท่นนายกฯ

ต้องรู้จักประนีประนอม ทำเอ็มโอยู ร่างนโยบาย ทำไปพร้อมๆกับแบ่งกระทรวงและเก้าอี้ประธานสภาฯ พรรคเสียงข้างมากอย่าเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว โจทย์ยากอยู่ที่จะหาเสียงส.ว.และส.ส.มาจากที่ไหนมาเติมเต็มให้ได้ 376

เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2566 นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2540 เปิดเผยว่า แม้ 8 พรรคการเมืองที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำจะทำข้อตกลงร่วมหรือ เอ็มโอยู 23 ข้อและแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะได้เป็นนายกฯ หรือรัฐบาลจะจัดตั้งได้สำเร็จ เพราะการหาเสียงสนับสนุนจากส.ว.และส.ส.ฝ่ายรัฐบาลรักษาการมาโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯเพิ่มเติมจาก 313 เสียง ให้ได้ 376 เสียงเป็นโจทย์ยากที่จะทำให้สำเร็จ เท่าที่ติดตามข่าววงในและที่ปรากฏในสื่อพบว่า มีความระหองระแหง ไม่สบายใจเกิดขึ้นกับแกนนำพรรคร่วมในระหว่างการเจรจาเอ็มโอยู

นายบุญเลิศกล่าวว่า สิ่งที่ผิดปกติในการเจรจา คือ พรรคก้าวไกลถือว่าตัวเองเป็นพรรคแกนนำเพราะได้เสียงส.ส.มากกว่า จึงขอเป็นผู้กำหนดทิศทางข้อตกลงร่วม ดังที่ปรากฎออกมา 23 ข้อ ซึ่งจะพัฒนาเป็นนโยบายพรรคร่วมรัฐบาลต่อไป นอกจากนี้ยังมีท่าทีจะขอคุมกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง รวมทั้งจะนั่งเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนฯ ซึ่งจะเป็นประธานรัฐสภาโดยตำแหน่ง ทั้งๆที่ในความจริงพรรคก้าวไกลมีเสียงมากกว่าพรรคเพื่อไทยแค่ 11 เสียง ในการเจรจา หากพรรคก้าวไกลให้เกียรติ ให้ความสำคัญกับพรรคเพื่อไทยทั้งการเขียนเอ็มโอยู การแบ่งกระทรวงและตำแหน่งประธานสภาฯบนพื้นฐานของการต่อรองด้วยความเสมอหน้า กับพรรคก้าวไกล คำนึงความเหมาะสม และความกลมกลืนของสองพรรคเป็นหลัก ซึ่งควรเจรจาต่อรองไปพร้อมๆกันทั้งเอ็มโอยู นโยบายและการแบ่งตำแหน่งต่างๆ โดยพรรคก้าวไกลไม่คิดว่าตัวเองเป็นพรรคเสียงข้างมากที่จะคอยกำกับหรือควบคุมการกำหนดต่างๆ ก็จะทำให้การเดินหน้าเพื่อเสริมส่งให้นายพิธาเป็นนายกฯประสบความสำเร็จได้โดยไม่ยาก

“พรรคก้าวไกลกำลังคิดการใหญ่ คือนายพิธาได้เป็นนายกฯ พรรคก้าวไกลจะต้องใจกว้าง ไม่ทำให้เกิดการหมางใจกับพรรคเพื่อไทยและรวมถึงพรรคเล็กพรรคน้อยที่มาร่วมเป็นพันธมิตร เรื่องเล็กน้อยต้องรู้จักตัดทิ้งไปบ้าง ธำรงการเจรจาต่อรองทางการเมืองอย่างสร้างสรรค์เอาไว้ โดยพรรคก้าวไกลจะต้องไม่เห็นแก่ตัว หรือเอาแต่ได้มากเกินไปจนลืมหัวอกเพื่อนที่ร่วมขบวนการต่อสู้มาด้วยกัีนสมัยเป็นฝ่ายค้าน ความเป็นมิตรไมตรีต่อกันเป็นสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องแสดงออกมาให้เห็น นโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคพันธมิตร เช่นไทยสร้างไทยเคยหาเสียงไว้ควรนำมาผสมผสานและได้รับการตอบสนองจัดทำเป็นนโยบาย เช่น เงินดิจิทัล 10,000 บาท บัตรประชาชนใบเดียวรักษาได้ทั่วไทย เงินบำนาญประชาชนคนละ 3,000 บาทต่อเดือน เป็นต้น

นายบุญเลิศกล่าวว่า ลำพังโดยพรรคก้าวไกลพรรคเดียวคงเป็นไปได้ยากยิ่งที่จะหาเสียง ส.ว. 63 เสียงมาโหวตเลือกนายพิธา เพื่อให้ได้ 376 รวมทั้งเสียงส.ส.ขั้วรัฐบาลรักษาการ ได้แก่ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ซึ่งเป็ํนพรรค 2 ลุง, ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์หรือแม้แต่ชาติไทยพัีฒนาก็ยากที่จะมาโหวตสนับสนุนด้วยความเต็มใจ เพื่อลดการอาศัยเสียงของ ส.ว.เพราะพรรคก้าวไกลแสดงท่าทีปิดประตูตายไม่ต้อนรับพรรคเหล่านี้ ดังกรณีปฏิเสธและออกแถลงการณ์ขออภัยพรรคชาติพัฒนากล้าที่มี 2 เสียงอ้างว่า มวลชนสีส้มไม่เห็นด้วย ทั้งๆที่ พรรคชาติพัฒนากล้าไม่ได้ต้องการจะเข้าร่วมรัฐบาล เรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาดอย่างร้ายแรงของพรรคก้าวไกล สำหรับส.ว.ที่จะโหวตให้นายพิธาเป็นนายกฯนั้น นายบุญเลิศกล่าวว่า แม้ขณะนี้จะมีผู้แสดงตนเกือบ 20 คน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ หากจะได้ส.ว.มาเพิ่ม พรรคก้าวไกลต้องปรับท่าทีอย่างมาก ถ้าทำอย่างที่เป็นอยู่คงไม่มีทางสำเร็จ ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้พรรคเพื่อไทยมีความสบายใจ เพราะได้รับเกียรติและได้รับตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีอย่างเหมาะสมเพื่อผลักดันนโยบาย อยากจะช่วยประสานงานติดต่อส.ว.ให้โหวตสนับสนุนนายพิธา ยกเว้นเสียแต่ว่า พรรคก้าวไกลไม่ง้อพรรคเพื่อไทยก็เป็นอีกเรื่่องหนึ่ง

#สำนักข่าวไทยแทบลอยด์ สื่อออนไลน์ ที่ยึดถือจรรยาบรรณครบถ้วน

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img