หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม"ธาริต เพ็งดิษฐ์" กลับคำให้การ สารภาพทุกข้อกล่าวหากรณี "อภิสิทธิ์"-"สุเทพ" ฟ้องร้องข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

“ธาริต เพ็งดิษฐ์” กลับคำให้การ สารภาพทุกข้อกล่าวหากรณี “อภิสิทธิ์”-“สุเทพ” ฟ้องร้องข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ด้านศาลเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นวันที่ 16 มิถุนายนนี้

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 ศาลอาญารัชดาเลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 4 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการ โดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง กรณีดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ฐานสั่งฆ่าประชาชน โดยนายธาริต เพ็งดิษฐ์อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จำเลยที่หนึ่ง ได้ยื่นคำร้องขอถอนคำให้การเดิมจากให้การปฏิเสธเป็นรับสารภาพเพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจพิจารณาโทษสถานเบาและยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาขอให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษา พร้อมขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่มีการดำเนินคดีจำเลยว่าบทบัญญัติที่ใช้ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เเละส่งผลให้กฎหมายบางอย่างบังคับใช้ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ทนายของโจทก์ที่ 1 และโจทก์ที่ 2 ได้ร่วมกันโต้แย้ง เนื่องจากมองว่า ก่อนหน้านี้จำเลยได้ยื่นคำร้องเพิ่มเติม และขอเลื่อนนัดฟังคำพิพากษามาแล้วหลายครั้ง โดยที่ฝ่ายจำเลยมีความรู้ทางกฎหมาย ย่อมต้องทราบดีว่าเมื่อ มีการนัดฟังคำพิพากษาแล้ว ไม่มีเหตุที่ต้องขอส่งสำนวนกลับคืนศาลฎีกาโดยอ้างเหตุที่ไม่เป็นสาระสำคัญแก่คดี จึงเกรงว่าจะทำให้กระบวนการพิจารณาล่าช้าหรือเป็นการประวิงเวลา นอกจากนี้ ยังมองว่าจำเลยให้การรับสารภาพเนื่องจากจำนนด้วยหลักฐาน จึงไม่มีเหตุให้บรรเทาโทษ และเพื่อให้กระบวนการพิจารณาเป็นบรรทัดฐานเกี่ยวกับคดีที่ทนายฝ่ายโจทก์ได้เคยเป็นทนายความให้กับคู่ความ ซึ่งคดีดังกล่าวศาลฎีกาจึงได้มีคำสั่งเรียก คืนสำนวนและของคำพิพากษาทั้งหมดจากศาลชั้นต้นและดำเนินการอ่านคำพิพากษาเอง เนื่องจากศาลชั้นต้นเลื่อนการอ่านคำพิพากษาของศาลสูงหลายครั้งในลักษณะทำนองเดียวกัน ทนายฝ่ายโจทก์จึงขอให้ศาลอาญารัชดาส่งสำนวนทั้งหมดให้ศาลฎีกาเป็นผู้อ่านคำพิพากษาเอง และพิจารณาคำร้องของจำเลย

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีนี้ศาลฎีกามีอำนาจพิจารณาคำร้อง ประกอบกับจำเลยที่ 1 ขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่ เพื่อให้ศาลฎีกาพิจารณาคำรับสารภาพประกอบการใช้ดุลพินิจพิจารณาพิพากษาคดีในการลงโทษ จำเลยที่ 1 กรณีไม่อาจอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาไปในวันนี้ได้ จึงให้ส่งสำนวน พร้อมคำร้อง คำให้การของจำเลยที่ 1 และซองคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกา ไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาโดยเร็ว โดยให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลฎีกาวันที่ 16 มิ.ย.นี้ เวลา 9.00 น.

RELATED ARTICLES
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img