วันที่ 24 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นายนที คุ้มพันธุ์ ลูกชายของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจในการติดตามคดีขโมยพลอยแดงมูลค่า 1,300 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อปี 2537 หลังศาลตัดสินให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติร่วมชดใช้เงินจำนวน 157 ล้านบาท แต่ผ่านมา 1 ปีกว่ายังไม่มีการชดใช้เงินแต่อย่างใด ได้เดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้า โดยมีพ.ต.อ.วัชรพงศ์ ฉุยฉาย รองผบก.งบประมาณ นายตำรวจเวรอำนวยการเป็นตัวแทนรับหนังสือ
นายนที กล่าวว่า ตนในฐานะผู้รับมอบอำนาจ มาเพื่อขอสอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับการชดใช้คดีพลอยแดง ในการดำเนินการว่าไปถึงขั้นตอนไหนอย่างไร และได้เห็นแถลงการณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่านทางเว็บไซต์ thaigov.go.th หรือเว็บไซต์รัฐบาลไทย จึงได้ทำหนังสือชี้แจงว่ารู้สึกอย่างไรบ้างกับแถลงการณ์ดังกล่าว ในประเด็นดังนี้ ตามหนังสือชี้แจงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติชี้แจงกรณีไม่ชดใช้ค่าเสียหายตามคำสั่งศาล ตร. ยืนยันไม่ได้ประวิงเวลาหรือเพิกเฉยต่อการชำระหนี้ตามคำพิพากษานี้และกำลังเร่งขอจัดสรรงบประมาณต่อไป
นายนที กล่าวต่อว่า เร่งรัดและจัดสรรงบประมาณใช้เวลา 1 ปี 7 เดือนกว่า เป็นความรู้สึกของผู้เสียหายที่อยากจะบอกต่อสังคม และในข้อ 3. ที่ตร.ได้ชี้แจงบอกว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ย.64 ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติและโจทก์ทั้งสาม ได้มีการเจรจาไกล่เกลี่ย เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งแรก โดยผลการเจรจาไกล่เกลี่ยสรุปได้ว่า โจทก์ทั้งสามยินยอมตกลงให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้แก่โจทก์ทั้งสามบางส่วนก่อนและยินยอมให้หยุดอัตราดอกเบี้ยที่จะต้องชำระแก่โจทก์ทั้งสามไว้ ณ วันที่ 18 พ.ย.64 โดยมีเงื่อนไขว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องชำระหนี้ส่วนที่เหลือภายในวันที่กำหนด (30 พ.ย.65)
นายนที กล่าวว่า ซึ่งเงื่อนไขที่ 1 ในที่ประชุมได้มีการพูดคุยกันว่า จ่ายงวดแรกก่อน 5% แต่ทางโจทก์ไม่สามารถรับเงื่อนไขนี้ได้เนื่องจากไม่พอใช้หนี้ให้กับกรมบังคับคดี เงื่อนไขที่ 2 ทางโจทก์ ได้ยื่นข้อเสนอกลับไปในที่ประชุมว่า ทางโจทก์ยื่นขอเสนอขอ 25-30% ก่อนในงวดแรก แต่ในที่ประชุมทางตร.ระบุว่าจะขอกลับไปพิจารณาก่อนและก็เงียบหายไปไม่มีคำตอบกลับมา ส่วนในคำชี้แจงข้อ 6. เมื่อ เม.ย.65 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับแจ้งผลการขอจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 กรณีดังกล่าว “ไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ” จึงได้เร่งดำเนินการขอรับสนับสนุนงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่าย เพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นไปยังรัฐบาล เมื่อ พ.ค.65 ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของสำนักงบประมาณ นายนาที กล่าวว่า เป็นข้อสงสัยด้วยที่ไม่ทราบเรื่องระบบราชการ งบประมาณของปี 2566 ไม่มี แต่จะของบประมาณของปี 2565 จึงเป็นคำถามที่อยากจะถามกลับไป
และในข้อ 7 นายกรัฐมนตรีมีบัญชาลง 10 ธ.ค.65 ให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการต่อรองประนอมหนี้ให้ถึงที่สุดอีกครั้ง และรายงานให้ทราบ ก่อนดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนต่อไป จาการหารือระหว่างกันโจทก์ทั้งสามได้ประชุมหารือกันแล้ว ยินดีที่จะลดยอดเงินในส่วนของดอกเบี้ยที่ ตร. ต้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์ถึงวันที่ 18 พ.ย.64 (157 ล้านบาท) นายนที กล่าวว่า เป็นข้อตกลงที่ต้องชำระใน 31 มีนาคม 2566 นี้ ถ้าไม่ชำระดอกเบี้ยจะเดินต่อตามคำสั่งศาล ดอกเบี้ยปีละ 3,900,000 บาท ทางฝ่ายโจทก์ยินยอมลดและไม่คิดดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากดอกเบี้ยที่ทางตร.นำมาจ่ายเป็นภาษีของประชาชน และเหตุใดทางตร.และสำนักงบประมาณจึงไม่เร่งรัดจ่ายหรือเห็นแก่ผลประโยชน์ของประชาชนผู้เสียภาษี
และในคำชี้แจงของตร. ข้อสุดท้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับจัดสรรงบประมาณเรียบร้อยแล้ว จะได้ดำเนินการตามขั้นตอน หารือร่วมกัน และดำเนินการนำเงินไปชำระตามคำพิพากษาโดยเร็วที่สุด ติดตามจับกุมและดำเนินการไล่เบี้ยนายวิสูตรฯ และ พล.ต.ต.นิยมฯ ลูกหนี้ร่วมตามคำพิพากษาให้ชดใช้ตามส่วนต่อไป นายนที กล่าวว่า เร็วที่สุดแต่ก็ผ่านมาแล้ว 1 ปี 7 เดือน คำสั่งศาลให้ชำระภายใน 30 วัน ผู้เสียหายเดือดร้อนมากตลอด 29 ปี ล้มละลายไปแล้วในรุ่นคุณพ่อคุณอา ต้องให้รุ่นลูกรุ่นหลานล้มละลายต่อไปด้วยใช่หรือไม่ หากกลับกันถ้าเป็นบริษัท ห้างร้านหรือบุคคลธรรมดาที่แพ้ในคดีเยี่ยงนี้คงต้องถูกยึดทรัพย์ และคงจะเหลือแค่ชีวิตที่เดินเร่ร่อนอยู่ข้างถนนเท่านั้น สุดท้ายก็ยังไม่มีกำหนดการวันและเวลาในการชำระหรือชดใช้ให้กับทางโจทก์แต่อย่างใด
นายนที กล่าวว่า จากที่เข้าประสานงานกับทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติตลอดระยะเวลา 1 ปี ครึ่งที่ผ่านมา ก็ได้เข้ามาพูดคุยกับทุกหน่วยงานทั้งฝ่ายกฎหมาย (กมค.) และงบประมาณและการเงิน ทางตร.ได้ทำเอกสารส่งไปยังสำนักงบประมาณแต่ถูกตีกลับไปกลับมา 2-3 รอบ เป็นเพราะอะไร ตนเข้าใจว่าตำรวจก็ทำงานอยู่แต่ทำไมถึงยังไม่เสร็จเสียที จึงได้ไปยื่นคำร้องต่อศาล ซึ่งจะเรียกสำนักงานตำรวจแห่งชาติเข้ามาพูดคุย ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 นี้