นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักศ์รัฐธรรมนูญไทย แถลงการณ์ เรื่อง ขอเรียกร้องให้ รมว.ต่างประเทศแสดงสปิริตลาออกกรณีไม่ปฏิบัติตาม รธน. โดยระบุว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้มีมติมีมติเสียงข้างมาก เห็นว่าการถือครองหุ้นของภรรยานายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 264 ประกอบมาตรา 187 ที่บัญญัติไม่ให้รัฐมนตรีถือครองหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือในกรณีประสงค์จะได้รับประโยชน์จากหุ้นที่ถือครอง ให้แจ้งประธานกรรมการ ป.ป.ช.ทราบภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแต่งตั้งและให้โอนหุ้น จนอาจเป็นเหตุให้ต้องพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 แต่ทว่าคู่สมรสนายดอนถือครองหุ้นในธุรกิจอยู่เกินกว่าร้อยละ 5 และไม่มีการแจ้งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ภายในกำหนดเวลาที่กฎหมายกำหนด ความดังทราบแล้วนั้น
กรณีดังกล่าว เคยเกิดขึ้นกับรัฐมนตรีและนักการเมืองในอดีตมากมายและสังคมเรียกร้องให้มีการลาออกจากตำแหน่งและหรือมีกฎเกณฑ์เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อนในทางธุรกิจ เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของการเมืองไทย จนนำมาสู่การเรียกร้องการปฏิรูปในยุค คสช. ในยุคนี้
แต่การที่เนติบริกร และหรือนักกฎหมายกำมะลอที่ชอบเชลียร์ผู้มีอำนาจเป็นนิจศีลหลายคนออกมาแก้ต่างให้ รมว.ดอน ว่ายังไม่ต้องลาออก หรือยังไม่ถือว่าผิดจนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยนั้น พฤติการณ์และความคิดเป็นดังกล่าว เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการปฎิรูปการเมือง และการปฏิรูปประเทศในขณะนี้ และในอนาคต เพราะการปฏิรูปการเมือง คือ การแสดงสปิริตหรือการกระทำที่ไม่ไปซ้ำรอยกับนักการเมืองเดิม ๆ ในอดีตที่ทำลายภาพลักษณ์ทางการเมืองจนทำให้เป็นช่องว่างเปิดโอกาสให้มีการนำไปสู่การปฏิวัติหรือรัฐประหารในที่สุด
ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏโดย กกต. ได้มีคำวินิจฉัยออกมาเช่นนี้ซึ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นการเข้าลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 264 ประกอบมาตรา 187 แล้วนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ จึงไม่ควรรั้งรอให้ กกต.ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัย แต่ควรแสดงสปิริต หรือความเป็นสุภาพบุรุษของคนกระทรวงการต่างประเทศที่ยึดถือกันมาด้วยดีทุกยุคทุกสมัย โดยการลาออกจากตำแหน่ง รมว.ต่างประเทศนั้นเสีย ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการแส้ซ้องสรรเสริญจากคนทั้งประเทศและทั้งโลก ว่าเป็นผู้มีสปิริตสูงส่งกว่านักการเมืองบางคนในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ ที่มีปัญหาถูกร้องเรียน แต่ก็ยังหน้าทนอยู่ต่อ และจะเป็นแบบอย่างที่ดีต่อเยาวชนคนรุ่นหลังในอนาคตต่อไปด้วย