จิ้งจกไซเบอร์ เปิดแฟ้มลับคดี
“หลงจู๊สมชาย”-“ตู้ห่าว” จะถูกจับ ตามที่ “นักแฉ” โว!! ไว้จริงหรือ.?
“ธิติ แสงสว่าง” นายพลตงฉิน เทียนฟง คนตรง 2000 ปี ดึงเช็งคดี “ตู้ห่าว” เพื่อให้เป็นมวยล้มต้มคนดู จริงหรือ ..?
ประดู่แดง ดอดส่ง “จิ้งจกไซเบอร์” แอบไปเปิดแฟ้มข้อมูลคดีของ “หลงจู๊ สมชาย” ที่นักแฉชื่อดัง พยายาม เอามาเชื่อมโยงว่าคดี “ตู้ห่าว” นั้นจะต้องเป็นมวยล้ม ต้มคนดู
สำหรับคดีหลงจู๊ สมชาย มีรายงานว่า สำนวนคดีนี้ตำรวจกองปราบปราม ว่าได้รับโอนสำนวนจากพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ไปให้ก่อนที่ พล.ต.ต.ธิติ แสงสว่าง จะไปรับตำแหน่ง ผบช.ภ.2 แต่ พล.ต.ต.ธิติ เองก็ลงไปช่วยทีมสืบสวนเก็บพยานหลักฐานในบางช่วง เหตุเพราะต้องระดมตรวจค้น ซึ่งจริงๆ แลัวคดีนี้ปัจจุบัน บางส่วนยังอยู่ในการพิจารณาของศาล ในส่วนคดี จ้างวานฆ่า ทางกองบังคับการปราบปราบ ได้ส่งสำนวนการสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ถึง ผู้ต้องหาที่ 4 ได้ขอฝากขังต่อมาและหลบหนีมีการประกันตัว ทาง บก.ป. ได้ทำหนังสือถึงอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาโดยส่งสำนวนการสอบสวน ของกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม คดีอาญาที่ 22/2563 จำนวน 2,054 แผ่น มีจำนวน 4 แฟ้ม
ซึ่งทางกองบังคับการปราบปราม ขอส่งสำนวนการสอบสวนของกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม คดีอาญาที่ 22/2563 คดีระหว่าง พันตำรวจโท ธัมมัญชิษฐ์ สิทธิศาสตร์ กับพวก รวม 3 คน ผู้กล่าวหา นายมนัส อิ่มหนำ กับพวกรวม 5 คน ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามควรแก่พฤติการณ์ ใช้ จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” ที่ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นควร สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่และที่ 2 ในความผิดฐาน “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุปีนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไมได้รับอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว หรือโดยไม่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนตามควรแก่พฤติการณ์” และความเห็นควร สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 3, ที่ 4 และที่ 5 ในความผิดฐาน “ใช้จ้างวานให้ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” มายังท่านตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2447 มาตรา 141 และ มาตรา 146 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ซึ่ง พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม เป็นผู้ลงนาม และพันตำรวจตรี พุฒินันท์ นาสุวรรณ สารวัตร (สอบสวน) กองกำกับการ กองบังคับการปราบปรามได้ตรวจร่างเก็บรับสำนวนไว้แล้วนายนิติพัฒน์ ชนานันท์ชัยกุล วิติกรชำนาญการ
2. คดีการพนัน เรื่องที่ 1 บก.ป ทำเรื่องส่งสำนวนการสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1 ถึง 6 – ที่ 8 ถึง ที่ 11 และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 7 ฝากขังและประกันตัวหลบหนี โดยนำสำนวนส่งให้ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ ประกอบสำนวนการสอบสวน ของกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม คดีอาญาที่ 7/2564 จำนวน 2544 แผ่นรวมจำนวน 7 แฟ้ม ต่อมากองบังคับการปราบปราม ขอส่งสำนวนการสอบสวนของกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามคดีอาญาที่ 7/2564 คดีระหว่าง พันตำรวจตรีณัฐดนัย สีแขไตร ผู้กล่าวหา นายสมชาย หรือหลงจู๊ จุติกิติ์เดชา กับพวกรวม 13 คน ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน ทายผลไฟเสือมังกร, ไฮโลไฮโลถั่วและ บัคคาร่าพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง พุทธศักราช 2548′(ฉบับที่ 1 ) ข้อ 5 เรื่องห้ามชุมนุมการทำกิจกรรม การมั่วสุม ฉบับลงวันที่ 3 เมษายน 2563 ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” ที่ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นควร สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 , ที่ 4 ที่ 5 ที่ 6, ที่ 9 และที่ 11ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน(ทายผลไพ่เสือมังกร, ไฮโลถั่วและ บาการา) พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามชุมนุม การทำกิจกรรมการมั่วสุม ลงวันที่ 3 เมษายน 2563 ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน”มีความเห็นควร สั่งฟ้อง ส่วนผู้ต้องหาที่ 8 , ที่ 10 ในความผิดฐาน “ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” และมีความเห็นควร สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 7 ในความผิดฐาน “ร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” มาสำนักงานอัยการ ตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477 มาตรา 141 และ มาตรา 142, รายละเอียดโดยมี พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม พันตำรวจโทภูมิพัฒน์ นามพุทธา รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม ร่วมลงนามในสำนวน
คดีที่ 2. คดีการพนัน บ่อน RJ ปลัดอำเภอ กล่าวหา พงส.สภ.มาบตาพุด รับคำร้องทุกข์ แล้ว สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.)สั่งให้โอนสำนวน ให้ บก.ป. ทำการสอบสวน อยู่ระหว่างสืบพยาน ในชั้นศาลเวลาต่อมา 9 มิถุนายน 2564 พนักงานสอบสวน บก.ป ได้ส่งสำนวนการสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1-ที่ 9, ที่ 12, ที่ 13 และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 10 – ที่ 11 ได้ฝากขังแต่ประกันและหลบหนี ทาง บก.ป ได้ส่งสำนวนเรียน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ โดยได้ส่งสำนวนการสอบสวน ของกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม คดีอาญาที่ 8/2564 จำนวน 4,167 แผ่นรวม 11 แฟ้มกองบังคับการปราบปราม ขอส่งสำนวนการสอบสวนของกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามคดีอาญาที่ 8/2564 คดีระหว่าง ร้อยตำรวจเอกอาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ ผู้กล่าวหา นายสมชาย หรือหลงจู๊ จุติกิติ์เดชา กับพวกรวม 13 คน ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน (ทายผลไพ่เสือมังกร, ไฮโล,ไฮโลถั่วและ บาการา) พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง พุทธศักราช 2548 (ฉบับที่ 1 ) ข้อ 5 เรื่องห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ฉบับลงวันที่ 3 เมษายน 2563, ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” ที่ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นควร สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 1 , ที่ 2 ที่ 3 , ที่ 6, ที่ 7 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันทาายผลไพ่เสือมังกร, ไฮโลถั่วและ บาการาพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ลงวันที่ 3 เมษายน 2563 ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน”มีความเห็นควร สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 8 , ที่ 9, ที่ 12 ในความผิดฐาน “ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” และมีความเห็นควร สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 10, ที่ 11 ในความผิดฐาน “ร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” มายังท่านตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477 มาตรา 141 และ มาตรา 142 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งที่ส่งมาด้วย พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป.และมี ร.ต.อ.ณัฐนันท์ จะสูงเนิน รองผู้กำกับการ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามเป็นพนักสอบสวนคดีนี้
คดีที่ 3. เป็นการพนัน บ่อน อรุโณทัย รอง ภูมิพัฒน์ เป็น พงส. ซึ่งศาลได้ยกฟ้องไปแล้ว โดย พนักงานสอบสวน บก.ป ได้ส่งสำนวนการสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1- ที่ 6, ที่ 8 – ที่ 11 และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 7 ซึ่งต่อมา พนักงานฝากขังและประกันตัวหลบหนีพนักงานสอบสวน จึงส่งสำนวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษเป็นสำนวนการสอบสวน ของกองกำกับการ 2 อกองบังคับการปราบปราม คดีอาญาที่ 7/2454, จำนวน 1544 แผ่น รวมจำนวน 7 แฟ้มทางกองบังคับการปราบปราม ขอส่งสำนวนการสอบสวนของกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามคดีอาญาที่ 7/2564 คดีระหว่าง พันตำรวจตรีณัฐดนัย สีแขไตร ผู้กล่าวหา นายสมชาย หรือหลงจู๊ จุติกิติ์เดชากับพวกรวม 13 คน ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน (ทายผลไฟเสือมังกร, ไฮโลไฮโลถั่วและ บาการา) พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง พุทธศักราช 2548′ (ฉบับที่ 1) ข้อ 5 เรื่องห้ามชุมนุมการทำกิจกรรม การมั่วสุม ฉบับเมื่อเดือนเมษายน 2456 ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” ที่ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นควร สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 , ที่ 4, ที่ 5 , ที่ 6 ที่ 9 และที่ -11 ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนันทายผลไพ่เสือมังกร ไฮโลถั่วและ บาการา มีพนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามชุมนุม การทำกิจกรรมการมั่วสุม ลงวันที่ 3 เมษายน 2563, ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” มีความเห็นควร สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 8 ที่ 10 ในความผิดฐาน “ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” และมีความเห็นควร สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 7 “ในความผิดฐาน “ร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” มายังท่านตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477 ตามมาตรา 141 และ มาตรา 142 รายละเอียดปรากฎตามสิ่งที่ส่งมาด้วย พลตำรวจตรีสุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม, พันตำรวจโทภูมิพัฒน์ นามพุทธา รองผู้กำกับการ 2 (สอบสวน) กองกำกับการเป็นหัวหน้า งานฯ กก.2 บก.ป.
คดีที่ 4. คดีการพนัน บ่อนนำชัย สืบพยานแล้ว รอฟังคำตัดสินจากเมื่อ 9 มิถุนายน 2564 เรื่อง ส่งสำนวนการสอบสวนเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาที่ 1, ที่ 9, ที่ 12, ที่ 13 และสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 10 ที่ฝากขังและหลบหนี ทาง บก.ป เรียน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษสิ่งที่ส่งมาด้วยคือสำนวนการสอบสวน ของกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม คดีอาญาที่ 6/2564 จำนวน 4176 แผ่น รวมจำนวน11 แฟ้มกองบังคับการปราบปราม ขอส่งสำนวนการสอบสวนของกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามคดีอาญาที 8/2564 คดีระหว่างร้อยตำรวจเอกอาธิรัตน์ ทิพย์เจริญ ผู้กล่าวหา นายสมชาย หรือหลงจู๊ จุติกิติ์เดชากับพวกรวม 13 คน ผู้ต้องหา ในความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน (ทายผลไพ่เสือมังกร, ไฮโล, ไฮโลถั่วและ บาการา พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง พุทธศักรา 2548 (ฉบับที่ 1 ) ข้อ 5 เรื่องห้ามชุมนุมการทำกิจกรรม การมั่วสุม ฉบับลงวันที่ 3, เมษายน 2563,ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” ที่ทำการสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว มีความเห็นควร สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ผู้ต้องหาที่ 1, ที่ 2, ที่ 3, ที่ 4, ที่ 5 , ที่ 6 ฐานความผิดฐาน “ร่วมกันเป็นผู้จัดให้มีการเล่นการพนัน ทายผลไพ่เสือมังกร, ไฮโลถั่วและ บาการา พนันเอาทรัพย์สินโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ลงวันที่ 3 เมษายน2563, ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน”มีความเห็นควร สั่งฟ้อง ผู้ต้องหาที่ 8, ที่ 9, ที่ 12 ในความผิดฐาน “ร่วมกันสมคบโดยตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” และมีความเห็นควร สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาที่ 10, ที่ 11 ในความผิดฐาน “ร่วมกันสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานร่วมกันฟอกเงินและร่วมกันฟอกเงิน” มายังท่านตามความในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา พุทธศักราช 2477 มาตรา 141 และ มาตรา 142 รายละเอียดปรากฏตามสิ่งส่ง พล.ต.ต. สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปราม ร้อยตำรวจเอกณัฐนันท์ จะสูงเนิน รองผู้กำกับการ (สอบสวน) กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปราม
คดีที่ 5. เป็นคดีการพนัน บ่อน บ.ข.ส.ระยอง อยู่ระหว่างสอบสวน สำหรับคดีฟอกเงินที่ไปจับกุมมาผู้ต้องหาหลักให้ถ้อยคำทางลับ ว่า มีกรณีบุคคลไปต่อรองขอร้องเรียกรับประโยชน์แต่ไม่ให้บันทึกใดๆ ทั้งสิ้น
จากรายงายข่าวดังกล่าว จะเห็นได้ว่าการ ที่นักแฉคนดังได้แถลงต่อสื่อมวลชน เปรียบเทียบคดี ตู้ห่าว กับคดีของ หลงจู๊ สมชาย ว่า มีลักษณะเดียวกันนั้น จึงเป็นข้อมูลขาดข้อเท็จจริง เป็นเพียงการเอาข้อมูลเท็จจริงบางมุมมานำเสนอต่อสื่อฯ ในสายที่อยู่ในสังกัดของเขาเองมาเปิดเผย ดูได้จากประเด็นว่า จะเป็นมวยล้ม ว่า คดีหลงจู๊ สมชาย ยกฟ้อง ที่จริงแล้วมีเพียงแค่บางคดี ยกฟ้อง ยังมีอีกหลายคี ที่ศาลยังไม่ได้มีคำตัดสิน ซึ่งดูได้จากมือทำสำนวนจาก กองปราบฯ
สำหรับในส่วนของคดีตู้ห้าวก็คืบหน้าไปมาก ล่าสุดได้รวบรวมพยานหลักฐาน จนศาลเชื่อได้ ในพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมครบถ้วน ศาลจึงอนุมัติหมายจับ ผู้ต้องหาแถวหน้า คือ ภรรยา ของตู้ห้าว พร้อมทั้งตั้งข้อหาหลัก และเร็วนี้จะมีการยื่นพยานหลักฐานเพื่อให้ศาล ได้ออกหมายจับผู้ต้องหาแถว 3 ได้เร็วๆ นี้แน่ตามกรอบของเวลากำหนด
กลับมาที่ “นายนักแฉ คนดัง” ที่มีสื่อฯ ในสังกัด ในมือ พร้อมทีมเครือข่ายพิธีกรรายการคอยรับลูก แบบทำการเป็นขบวนการ ซึ่ง จิ้งจกไซเบอร์ที่ส่งไปสืบเสาะมา ยังได้แอบคุยการเจรจาขอเรียกเงินจำนวนนับหลายสิบล้านเป็นคำสารภาพจากปาก ของผู้ต้องหาแถวหน้าอย่าง พ.ต.อ.หญิง ว่านักแฉคนดังกล่าว มีการเรียกรับตัวเลขหลักนับเป็นร้อยล้านกันทีเดียว แลกกับการเดินหน้าแฉ การพูดคุยเจรจาตบทรัพย์ครั้งนี้ ว่ากันว่ามือดีแอบอัดเสียงไว้ ผู้ต้องหาแถวหน้าแต่ พ.ต.อ.หญิง คนดังกล่าวไม่ยอมจ่ายในตัวเลขสูงเกินที่จะจ่ายได้ ขบวนการแฉจึง แถลงรายวันกดกันต่อ ทั้ง ผบ.ตร. พร้อมด้วย 2 นายพลที่กระโดดเข้าไปร่วมลุยคดีนี้ ก็ลุยสืบเส้นทางการเงิน ที่มีการกระจายไปในหลายทิศทาง พล.ต.ท. ธิติ แสงว่าง พร้อมกับ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และ พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวน แท็กทีม แอบสืบสวนแบบมืออาชีพ ไม่มีหลุด เหตุเพราะหากหลุดไปการเดินต่อเพื่อจะสืบหาเส้นทางการเงิน มันไม่ง่าย จะทำให้เสียเวลา เพราะกรอบกำหนดระยะเวลากำหนดไว้ จึงเป็นเหตุให้นักแฉ คนดังแถลงรายวัน เพื่อจะบีบตัวคนที่รู้เรื่องว่า ทรัพย์อยู่ตรงไหน แล้วจะได้นำมาประเคนให้ตน ตามข้อต่อรอง นั้นเอง “นายพลตงฉิน เทียนฟง คนตรง สองพันปี” อย่าง “ธิติ แสงสว่าง” ได้แสดงฝีมือให้เห็นแล้ว พยายานหลักฐานถึงไหน จัดหนักถึงนั้น จับตาดู ผู้เกี่ยวข้องและมีเอี่ยวกับตู้ห่าว ยังมีหลักฐานถึงผู้ต้องหาแถว 3 อีกชุด คาดว่า ไม่เกินมือทีม 3 นักสืบฝีมือระดับพระกาฬของ นครบาล ยุคนี้แน่นอน อย่ากระพริบตา
“ประดู่แดง” ขอเป็นกำลังใจให้ทีมงานชุดนี้ ลุยต่อเอาให้เหี้ยน เพื่อเป็นต้วชี้วัดว่า ตำรวจนครบาลยุคนี้ คือ ของจริง ที่ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. ไว้วางใจ จึงวางตัวให้มานั่งอยู่ตรงนี้ ทั้งคดี “หลงจู๊สมชาย” กับ “ตู้ห่าว” ที่นักแฉเอามาให้สื่อหลายสำนักได้เสพสมนำไปเสนอ ก็เป็นแบบนี้แหละ วิ..!!ตำรวจทำงานตามกรอบของกฏหมายและระเบียบของ ตร. “ไม่ใช่ทำคดี ตามแรงกดดันของโซเชียลที่ต้องการแค่ยอดไลฟ์หรือแรงกดดันของนักแฉ ที่ต้อง อะไรบางอย่างข้างต้น “ประดู่แดง” รอดูคลิปเสียงจะได้เปิดหน้าขบวนการตบทรัพย์คดีนี้ “โดยสรุปที่ ประดู่แดง ร่ายมาทั้งหมด อาจจะจริง หรือมั่ว ชัวร์หรือไม่ ตามข้อมูลที่ จิ้งจกไซเบอร์ ไปสืบเสาะมา เรามารอดูกันต่อไป