นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ออกแถลงการณ์ เรื่อง ขอเรียกร้องให้ รองผบ.ตร. โฆษกตร. ตอบคำถามให้ชัดว่าวัดอ้อน้อยมีการ์ด กปปส. อาศัยอยู่ และมีอาวุธร้ายแรงจำนวนมากหรือไม่ ตามที่พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผบ.ตร. โฆษกตร. แถลงข่าวเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า จากการสำรวจของเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ พบว่า พื้นที่บริเวณวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ซึ่งเป็นสถานที่จำวัดของพระพุทธะอิสระนั้น มีการ์ดของ กปปส. อาศัยอยู่ และพบว่ามีอาวุธร้ายแรงจำนวนมาก ทางเจ้าหน้าที่จึงวางแผนใช้เจ้าหน้าที่ชุดที่มีอาวุธติดตัว นำกำลังเข้าจับกุม โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันตัวนั้น
แต่จากตามคลิปวิดีโอที่เผยแพร่ทางโซเชียมีเดียในวันปฏิบัติการของตำรวจโดยนำกำลังคอมมานโดพร้อมอาวุธสงครามครบมือเข้าจับกุมพระพุทธอิสระ และต่อมาเมื่อวันที่ 25 พ.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปคบ. และหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชีและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจค้นภายในวัดดังกล่าวอีกครั้ง พบแต่สัตว์ป่านานาชนิดที่ไม่ผิดกฎหมาย โดยที่ไม่พบอาวุธร้ายแรงจำนวนมากตามที่ รองผบ.ตร. โฆษกตร. กล่าวอ้างแต่อย่างใด
การออกมาแถลงข่าวของรองผบ.ตร. โฆษกตร. จึงน่าจะมีเจตนาที่จะสร้างข่าวปั้นข้อมูลอันเป็นเท็จต่อสาธารณะชน เพื่อให้สังคมหวาดกลัวและเกลียดชังต่อพระพุทธอิสระหรือวัดอ้อน้อย หรือเป็นการปั้นแต่งเรื่องขึ้นมาเพื่อเสนอให้ศาลได้พิจารณาออกหมายจับพระพุทธะอิสระตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 66 วรรคแรก โดยไม่จำเป็นต้องใช้หมายเรียก ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 52 วรรคแรกหรือไม่ อย่างไร ซึ่งรองผบ.ตร. โฆษกตร. ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าข้อมูลที่แถลงออกมานั้น ตกลงสถานที่จำวัดของพระพุทธะอิสระนั้น มีการ์ดของ กปปส. อาศัยอยู่ และพบว่ามีอาวุธร้ายแรงจำนวนมากจริงหรือไม่อย่างไร และถ้ามีจริงทำไมในวันปฏิบัติการจับกุมพระพุทธะอิสระจึงไม่จับกุมการ์ด กปปส.และตรวจยึดอาวุธร้ายแรงมาด้วย หรือมีเจตนาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่เช่นนั้นท่านและตำรวจที่เข้าจับกุมอาจเข้าข่ายความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และมาตรา 172 อันทำให้ผู้ที่เคยเป็นการ์ด กปปส.และวัดอ้อน้อยเสียหายได้ อันมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2 พันถึง 2 หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับได้ และทำให้สังคมมองภาพลักษณ์ของตำรวจทั่วประเทศไปในทางที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งสมควรที่จะต้องมีการปฏิรูปตำรวจอย่างจริงจังเสียทีด้วย