No menu items!
หน้าแรกกระบวนการยุติธรรม'สันธนะ' อัดตำรวจเละ! ตุกติก ยิบย่อย ค้านประกัน หน้าแหกหลังศาลสั่งปล่อยตัว

‘สันธนะ’ อัดตำรวจเละ! ตุกติก ยิบย่อย ค้านประกัน หน้าแหกหลังศาลสั่งปล่อยตัว

ที่ศาลอาญา ภายหลัง พ.ต.ท.สันธนะ ประยูรรัตน์ ประธานที่ปรึกษา บริษัท ตลาดใหม่ดอนเมือง ผู้ต้องหาคดีร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ได้รับการปล่อยชั่วคราว ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ตั้งแต่ออกจากสน.ดอนเมือง ตนสังเกตเห็นความผิดปกติ พยายามจะถ่วงเวลา อ้างว่าต้องรอคำร้องฝากขังบ้าง เอกสารประจำวัน รอพนักงานสอบสวน ฯลฯ สุดท้ายมีคำสั่งพิเศษอีกว่าให้ควบคุมตัวผมอย่างแน่นหนา คือให้ใส่กุญแจมือ เมื่อควบคุมตัวผมมาใกล้ถึงที่ทำการศาลอาญา ก็มีโทรศัพท์มาสั่งการอีกว่าให้เอารถกลับไปที่สน.ดอนเมืองอีกครั้งหนึ่ง ผมก็ไม่เข้าใจว่าจุดประสงค์คืออะไร ผมเลยบอกกับผู้ที่ควบคุมตัวผมมาว่าขณะนี้ คุณได้เข้ามาในเขตอำนาจศาลแล้วพร้อมเอกสารคำร้องฝากขัง และตัวผู้ต้องหา หากคุณนำตัวผมไปอีกครั้งไม่แน่ว่าจะเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องนำผมไปควบคุมที่ควบคุมของศาลอาญา ผมก็ไปนั่งรออยู่ สักพักก็ได้รับแจ้งว่าผมกลับไม่ได้ แต่คำร้องฝากขังกลับได้ ทางพนักงานสอบสวนจึงกลับไปที่สน.ดอนเมือง และมายื่นคำร้องก่อนเวลาปิดทำการเพียง 5 นาที ซึ่งคดีของตนได้ทำคำร้องคัดค้านการประกันตัวเพิ่มเติม จำนวนหลายแผ่น อ้างเหตุอีกนับ 10 ข้อ เพื่อจะไม่ให้ศาลอนุญาตปล่อยตัวผมชั่วคราว ทั้งนี้ศาลได้พิจารณามีความเห็นว่าทางพนักงานสอบสวน ในคดีความผิดซึ่งเป็นความผิดเดียวกัน โดยเหตุเกิดเวลาต่อเนื่องและเป็นผู้ต้องหาเดียวกัน จึงสั่งให้รวมคำร้องฝากขัง เป็นคำร้องเดียวทั้ง 8 คดี ทางผู้พิพากษาผู้รับผิดชอบเรื่องคำร้องฝากขังได้แจ้งให้ตนทราบว่า พนักงานสอบสวนได้ขอฝากขังครั้งที่ 1 เป็นกำหนดเวลา 12 วัน ศาลอนุญาต จึงพิจารณาเรื่องยื่นขอประกัน ผลการพิจารณายื่นขอประกัน ตามที่พนักงานสอบสวนได้คัดค้านไม่ได้รับฟังว่า ไม่คัดค้านเห็นควรให้ศาลปล่อยตัวตนชั่วคราว จึงมีความเห็นปล่อยตัวตนชั่วคราว มีหลักประกันเป็นเงินสดจำนวน 300,000 บาท โดยมีเงื่อนไขจะต้องไม่ไปยุ่งเกี่ยวเรื่องของพยานหลักฐาน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับทางคดี ซึ่งลักษณะนี้ ในเรื่องของผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ได้ทำอยู่แล้ว

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องย้อนหลังในทางคดีเมื่อได้รับทราบหมายแล้วตนก็ไม่เคยคิดจะหลบหนี และไม่รู้จะหลบหนีไปเพื่ออะไร ซึ่งขณะนั้นตนยังไม่ทราบว่ามีหมายจับออกมา ก็ได้รีบเดินทางกลับและเห็นว่าเวลาเป็นช่วงวิกาลแล้ว จึงเดินทางเข้าไปที่บ้านตรงคริสตัลปาร์ค เมื่อถึงที่บ้านเพื่อเป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจ ตนจึงได้โทรศัพท์ติดต่อกับผกก.สน.โชคชัย เพราะว่าบ้านหลังดังกล่าวอยู่ในพื้นที่สน.โชคชัย ทางผกก.สน.โชคชัยก็รับทราบ ผมก็บอกว่าผมมีหมายจับ 8-9 ใบ ขอให้ประสานงานสน.ดอนเมืองเพื่อที่จะนำหมายจับมารับตัวผม โดยเป็นความประสงค์ที่จะมอบตัว ความหมายผมไม่ได้ถูกรวบ และไม่ได้ถูกจับกุม เป็นการแสดงความประสงค์ ทางผกก.สน.โชคชัยบอกก็ทราบ แล้วทุกครั้งจะมีโทรศัพท์แปลกๆ สั่งการมาโดยตลอด เมื่อมีโทรศัพท์มาทีไรก็เพี้ยนไปหมด อย่างเช่น ผมนั่งรถมาถึงศาล มีโทรศัพท์โทรเข้ามาตอนยังไม่เข้าประตูศาลเขาเลี้ยวกลับถนนไปสน.ดอนเมืองอีกรอบหนึ่ง จะกลับสน.ดอนเมืองอีกรอบหนึ่ง คดีนี้มีอะไรที่แปลก เดี๋ยวจะมีการสั่งการ เป็นระยะๆ นับตั้งแต่ตนก้าวออกจากห้องควบคุมสน.ดอนเมือง ผมก็พยายามที่จะไม่ทำให้ผู้ปฏิบัติได้รับความเดือดร้อน ผมก็เข้าใจ เสียงนั้นมากจากไหน เสียงนรกหรือเสียงสวรรค์สั่งมาคุณก็ทำไป อย่าให้พวกคุณเดือดร้อน เพราะเป็นชั้นผู้น้อย ไว้เสียงนั้นเจอกับผมดีกว่า เสียงใครจะดังกล่าวกัน จนมาถึงตุดจุดนี้ เป็นความเมตตาและอำนวยความเป็นธรรมอย่างที่ผมเรียนกับสื่อว่าผมหวังเพิ่งกระบวนการศาลยุติธรรมเป็นที่สุด

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวอีกด้วยว่า ต้องบอกว่าจุดเริ่มต้นจาก 3 นายพลตำรวจก่อนขยับไปเป็น 4 นายพล 5 นายพลแล้ว ตอนนี้มันลามไปหมดว่านายพลตำรวจที่มีอำนาจหน้าที่ต้องรับผิดชอบก็จะพุ่งเป้าหมายมาที่ผม ดูจากการปฏิบัติก็จะทราบจะเห็นว่าที่บ้านผมที่คริสตัลปาร์คมีหน่วยไหนอีกเป็นร้อยเตรียมกำลังเพื่อที่จะปฏิบัติการรุนแรง เหมือนกรณีที่จะไปคอนโดพหลโยธินซึ่งเป็นที่พักผมชั่วคราวในบางครั้ง ก็มีการปฏิบัติการจนคนแตกตื่นทั้งอาคาร ผมก็ต้องกลับไปขอโทษเขา และผมก็มีแนวทางที่ได้ทำหนังสือเตรียมไว้แล้ว โดยจะทำถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้รับทราบว่าใครคือนายพลที่มีปัญหากับผม 3 นาย การปฏิบัติที่ผ่านมาเตรียมการมาเพื่อความรุนแรง แล้วเป็นการเลือกปฏิบัติกับผม

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า พูดถึงเรื่องคดีในวันนี้ที่มี 8 คดี ตั้งแต่ที่สน.โชคชัยมีปัญหาโต้เถียงกัน ทางผมยืนยันว่าผมมอบตัวและไม่ได้บอกคนเดียว หลายๆ ท่านก็ทราบ พอไปถึงที่สน.โชคชัย เขาก็จะจับตัวผมให้ได้ มีเสียงโทรศัพท์เข้ามาอีกว่าต้องจับ ไม่ใช่มอบ ไม่อย่างนั้นบันทึกจับกุมก็ไม่ออก เสียเวลาสื่ออีก การจับกุมใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ทั้งที่จริงๆ แล้ววันสต็อบเซวิส 5-15 นาทีก็ดำเนินการให้เสร็จสิ้นได้ เมื่อมาถึงสน.ดอนเมืองผมมีความสงสัยว่าผมไปรีดทรัพย์หรือกรรโชกทรัพย์ใคร ร่วมกับใคร เพราะในหมายจับไม่ได้ระบุข้อเท็จจริง ผมก็อยากรู้แบบหลายๆ ทั้งเลย ทั้งที่ผมเป็นผู้ต้องหาหรือผู้ที่ถูกสอบสวน จึงทราบว่ามีกลุ่มผู้ค้าพ่อค้าแม่ค้าจำนวน 8 ราย ซึ่งอาจเกิดจากการที่เขาเต็มใจที่จะมาระบุว่าผมเป็นผู้ต้องหา มาชี้ตัวผม หรือจะด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ มี 8 ผู้ค้าให้การว่าผมกับพนักงานของบริษัทพัฒนาใหม่ดอนเมืองร่วมกันเป็นขบวนการมากระทำการ ข่มขู่ บังคับเรียกเก็บเงิน พ่อค้าแม่ค้าในตลาดเดือนละเท่าไหราก็ว่าไป ผมก็แปลกใจมากๆ เพราะว่าอะไร มีผู้ค้าถึง 8 ราย ในพฤติการณ์ที่บอกของผู้ค้าระบุว่าหากไม่จ่ายตามที่กำหนดจะไม่สามารถเปิดร้านค้าได้ แต่ร้านค้าในตลาดมีทั้งหมดกว่า 500 ร้านค้า มีพวกคุณ 8 ร้านค้าที่เปิดไม่ได้ แล้วอีกกว่า 400 ร้านค้าทำไมเขาเปิดได้ ก็คงเป็นเรื่องที่มีการชักจูง โน้มน้าวให้บุคคลเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมในคดี โดยเป็นผู้กล่าวหาผม

“ผมได้ชื่อมาแล้ว และผมจะส่งให้ทำการตรวจสอบว่าเขาเป็นผู้ค้าจริงหรือไม่ แล้วจะดูว่าอยู่ตรงล็อคไหนอย่างไร พยายามอ่านชื่อ แต่อ่านทั้งชื่อและนามสกุลแล้วก็ไม่รู้จักมาก่อน ผมก็ไม่ทราบว่าเขามาจากไหนอย่างไร และผมไปเดินผ่านหน้าร้านเขาตอนไหน หรือผมเคยไปเก็บเงินเขาตรงไหน ที่เขามาชี้ผม ผมบอกตรงๆ ไม่เกี่ยวข้องจริงๆ”พ.ต.ท.สันธนะ กล่าว

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า ทางทนายความได้ทำคำร้องต่อศาลแล้วว่าหากมีผู้าค้าอีก 50-100 รายมาแจ้งก็ให้แจ้งไป แต่ขอให้คำนึงถึงสิทธิของตนที่จะมาออกหมายจับ เป็นการเลือกปฏิบัติกับผมหรือไม่ เหมือนมีการเตรียมการไว้ก่อน อย่างเช่นเมื่อช่วงเช้าที่เขาได้กระทำกับผม บังคับว่าต้องใส่กุญแจมือห้ามเอาผ้าผูกมือผม ผมจึงบอกเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมตัวผมว่าไม่เป็นไร ผมเชื่อมั่น และอยากให้ทุกคนสบายใจ ผมก็ยกมือให้ถ่าย ผมไม่ได้อับอาย แต่ความอับอายน่าจะเป็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่กระทำกับผม ไม่เคยมีการปฏิบัติแบบนี้อย่างที่พวกท่านก็ทราบดี จะมาตำหนิว่าผมกร่าง พูดมาก อย่างนี้อย่างนั้น ผมเป็นคนแบบนี้ผมก็ยอมรับว่าผมเป็นคนไม่ยอมใคร คำว่าไม่ยอมหมายถึงว่า ผมไม่ได้กระทำผิดนะถูกไหมที่มากล่าวหาผม ผมสู้ตาย ผมพูดแค่นี้ ผมเป็นคนแบบนี้ ผมสู้มาทั้งชีวิต มันมีเบื้องหน้าเบื้องหลังแน่ มีวาระซ่อนเร้นอะไร กระทั่งประสงค์ต่อชีวิตผมเลย

พ.ต.ท.สันธนะ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามจะดำเนินการกับตำรวจชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นแน่นอน เพราะว่ามันไม่ถูกต้องและไม่ชอบธรรม หลังจากนี้ก็จะขอพักผ่อนนิดนึง ขอสักวันแล้วก็จะเริ่มต้นต่อ ขอให้น้ำก่อน เดี๋ยวมีต่อๆ ขอบคุณทุกคนนะ

โดยหลังจากให้สัมภาษณ์เสร็จ พ.ต.ท.สันธนะ ได้เดินเข้าไปที่รถตู้สีดำที่มี พ.ต.อ.(พิเศษ)สมชาย บิดา นั่งอยู่พร้อมกับนั่งลงกราบลงที่ตักพร้อมสวมกอดก่อนเดินขึ้นรถอีกคันกลับไป


 

RELATED ARTICLES

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_img